AMAZON คืออะไร


ปัจจุบันธุรกิจ บนโลก Online กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปในแนวทางที่ดีขึ้น จากธุรกิจแบบเดิม ๆ ซึ่งจะเป็นธุรกิจแนวใหม่ที่สามารถให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยตรงเป้าหมาย ทั่วทั่งโลก โดยไม่จำเป็นต้องมีสินค้าหรือบริการเป็นของตัวเอง เพราะ เทคโนโลยีและ อินเทอร์เน็ตกำลังทำให้โลกของเราเล็กลง เชื่อมโยงกันได้มากขึ้น


Amazon.com เป็น Website หนึ่ง ที่มีผู้นิยมมากเป็นอันดับต้น ๆเป็นธุรกิร Online ที่สามารถเริ่มต้นได้ทันทีโดยที่ ไม่จำเป็นต้องมีสินค้าและบริการเป็นของตัวเอง และยังเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสร้างรายได้เสริม สามารถโฆษณาสินค้าอื่น ๆ ของคนอื่นได้ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง อีกด้วย โดยที่ไม่ต้องกังวล เรื่องการจัดส่งสินค้า , การจัดเก็บสินค้า หรือแม้กระทั่งการชำระเงินต่าง ๆ เป็นต้น




AMAZON คืออะไร


Amazon เป็นเว็บไซต์ที่ที่โด่งดังและใหญ่มากติดอันดับต้นๆของเว็บไซต์โลกเลยทีเดียว ( อยู่ประมาณอันดับที่ 27 ของโลก) มีชื่อเสียงทางด้านขายหนังสือ ขาย DVD หนัง ดังนั้นคนทั่วโลกจะเป็นที่รู้จักกันดี ว่า เว็บ Amazon ขายหนังสือ แต่ปัจจุบัน Amazon ได้ขายของทุกอย่าง มีทุกหมวดหมู่ของสินค้า นอกจากนั้น Amazon ยังสามารถให้เรามีโอกาส สร้างรายได้ โดยการเป็นผู้แนะนำ (Affiliate) ให้ คนอื่นไห้เข้ามาซื้อสินค้าในเว็บ Amazon และเมื่อมีคนมาซื้อสินค้าโดยผ่านการแนะนำมาจากเรา เราก็จะได้ผลตอบแทน (Commission) 4 %-10% เนื่องจากว่าชื่อเสียง Amazon โด่งดัง ดังนั้นการขายสินค้าของ Amazon ก็จะขายได้ง่าย เพราะว่ามีความน่าเชื่อถือสูง

ประวัติความเป็นมา AMAZON

(www.amazon.com) เป็นร้านขายหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Amazon ได้กลายเป็นชื่อที่ทุกคนในวงการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์รู้จักกันเป็นอย่างดี Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารสูงสุดของบริษัทได้กลายเป็นแบบอย่างของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเอาดีในธุรกิจอินเตอร์เน็ต และจากการสำรวจของ Forbes ได้จัดอันดับให้ Jeff Bezos ติดอันดับคนที่รวยที่สุดในอเมริกาอันดับที่ 42 โดยมีทรัพย์สิน 4.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
Amazon เริ่มเปิดดำเนินการในเดือนกรกฎาคมปี 1995 โดยเริ่มจากการขายหนังสือผ่านทางอินเตอร์เน็ต ทันทีที่เปิดร้าน Amazon ประชาสัมพันธ์ตัวเองว่าเป็นร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีหนังสือให้เลือกซื้อได้ถึงกว่าล้านเล่ม การขายหนังสือผ่านอินเตอร์เน็ตทำให้ Amazon ไม่จำเป็นต้องลงทุนในเรื่องพนักงานขายและร้านค้า และสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วจนในเดือนเมษายนปี 2000 Amazon มีลูกค้ารวม 20 ล้านคนจากกว่า 160 ประเทศทั่วโลก
ต่อมา Amazon ได้เริ่มขยายตัวไปยังธุรกิจประเภทอื่น ๆ โดยเปิดขายสินค้าประเภทดนตรี: CD ในเดือนมิถุนายนปี 1998 เปิดขายวิดีโอและของขวัญในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน ในปี 1999 Amazon ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็วต่อไป โดยเปิดการประมูลสินค้าระหว่างบุคคล และให้ผู้ค้าปลีกรายย่อยสามารถมาตั้งร้านภายใน Amazon ได้โดยใช้ชื่อว่า zShops พร้อมกับเพิ่มสินค้าชนิดต่าง ๆ เข้าไปมากมาย จนปัจจุบัน Amazon ใช้สโลแกนว่า ™ ประเภทของสินค้าที่ Amazon ขายในปัจจุบันมีดังนี้ หนังสือ CD เพลง DVD วิดีโอ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ ของเล่น วิดีโอเกมส์ สินค้าสุขภาพและความงาม ศิลปะและของสะสม เครื่องครัว อุปกรณ์และเครื่องตกแต่งสวน เครื่องมือที่ใช้ในบ้าน และยังมีร้าน zShops ซึ่งมีผู้จำหน่ายรายย่อยเข้าร่วมจำนวนมากและมีสินค้าที่ขายอยู่อย่างหลากหลาย พร้อมกับส่วนการประมูลหรือ Auction ซึ่งทำให้บุคคลธรรมดาสามารถนำสิ่งของของตนไปประมูลขายหรือหาซื้อสินค้าจากผู้อื่นได้
บริษัทมีรายชื่อหนังสือ เพลง ดีวีดี วิดีโอเทป เครื่องใช้ไฟฟ้า ของเล่น เกมส์ และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ขายรวมกันมากกว่า 1.8หมื่นล้านรายการ Amazon ยังขยายธุรกิจไปในต่างประเทศอีก 6 ประเทศ คือ อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน แคนาดา
ในปี 1999 บริษัทมีลูกค้ามากกว่า 17 ล้านรายกระจายอยู่ในประเทศต่างๆ มากกว่า 150 ประเทศ และมีรายได้จากการประกอบธุรกิจถึง 1.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 610 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 148 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในปี 1998และ 1997 ตามลำดับ
สินค้าของ Amazon ที่มีการซื้อขายมาก ได้แก่ หนังสือ ซีดีเพลง ดีวีดี วิดีโอเทป เครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องคอมพิวเตอร์ ตุ๊กตา ของเล่น ของที่ระลึก เครื่องแก้ว เครื่องประดับ และอื่นๆ

ธุรกิจควรเป็นอย่างไร

เป็นร้านปลีกทางอินเตอร์เน็ตแก่ประชากรทั่วโลก โดยเป็นผู้นำในร้านค้าปลีกทางอินเตอร์เน็ต และให้บริการในด้านการขายสินค้าได้รวดเร็วที่สุด ง่ายที่สุด
“วิสัยทัศน์ของเราคือการเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับลูกค้าที่จะเข้ามาหาและค้นพบทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาต้องการซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต” ซึ่งเป็นคำกล่าว Joe Galli, COO ของ Amazon ได้ สรุปเอาแก่นของธุรกิจของ Amazon เอาไว้ได้เป็นอย่างดี ธุรกิจของ Amazon ไม่ใช่เป็นเพียงการค้าปลีกธรรมดาเท่านั้น แต่คือการอำนวยให้ผู้คนต่าง ๆ สามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการได้ดีที่สุด ไม่ว่าสินค้านั้น Amazon จะขายเองหรือเป็นสินค้าของผู้ขายใน zShops หรือส่วนการประมูล เพราะในที่สุดแล้ว Amazon ย่อมสามารถสร้างรายได้ได้จากการขายในทุกประเภท ไม่ว่าจะในทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม

ขั้นตอนในการประกอบธุรกิจ

ลูกค้าสามารถใช้เว็บไซต์ของ Amazon ในการสืบค้นรายชื่อสินค้า ราคา ผู้แต่ง สำนักพิมพ์ และข้อมูลอื่นๆ โดยยังไม่ต้องลงทะเบียนเป็นสมาชิก อย่างไรก็ตามลูกค้าอาจเลือกที่จะลงทะเบียนเป็นสมาชิกของ Amazon เลย เพื่อประโยชน์ต่างๆ เช่นการได้รับส่วนลดพิเศษ และได้รับข้อมูลหนังสือและสินค้าอื่นๆ ที่อยู่ในความสนใจ เป็นต้นขั้นตอนการซื้อหนังสือผ่าน Amazon มีดังต่อไปนี้
1. เมื่อลงทะเบียนเป็นสมาชิกของ Amazon แล้ว ลูกค้าสามารถสืบค้นสินค้าต่างๆ ตามที่ต้องการ
2. เมื่อพบสินค้าที่ต้องการ ลูกค้าสามารถที่จะดูข้อมูลเบื้องต้นของสินค้า เช่น ผู้แต่ง ราคา สารบัญ คำนำ บทวิจารณ์ และสำนักพิมพ์ เป็นต้น
3. เมื่อลูกค้าตกลงใจที่จะซื้อสินค้าโดยการเลือกสินค้าใส่ตะกร้า (Add to Cart) ลูกค้าจะต้องกรอกข้อมูลส่วนตัว อย่างไรก็ตามลูกค้าที่ลงทะเบียนเป็นสมาชิกอยู่แล้ว ไม่ต้องให้ข้อมูลในส่วนนี้เพิ่มเติมอีก
4. เมื่อได้ข้อมูลที่จำเป็นครบถ้วนแล้ว บริษัทจะแสดงราคารวมทั้งหมดซึ่งรวมค่าส่ง (Shipping and Handling) และภาษี (Tax) โดยลูกค้าที่อยู่ในต่างประเทศไม่ต้องเสียภาษี หลังจากนั้นลูกค้าจะต้องกรอกหมายเลขบัตรเครดิต
5. เมื่อลูกค้าชำระเงินเรียบร้อยแล้ว บริษัทจะแจ้งรหัสการสั่งสินค้าให้แก่ลูกค้า เพื่อใช้อ้างอิงในการติดตามความก้าวหน้าของการสั่งซื้อสินค้าและจัดส่งสินค้า
6. เมื่อได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าแล้ว ข้อมูลคำสั่งซื้อดังกล่าวจะถูกส่งให้ศูนย์กระจายสินค้าของ Amazon ซึ่งจะเป็นผู้จัดส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า โดยการจัดส่งสินค้าจะใช้บริการจากบริษัทขนส่งพัสดุต่างๆ เช่น บริษัท UPS และไปรษณีย์สหรัฐฯ เป็นต้น
7. ในกรณีที่ศูนย์กระจายสินค้าไม่มีสินค้าอยู่ในคลังสินค้า ข้อมูลการสั่งซื้อจะถูกส่งอย่างอัตโนมัติไปยังSupplierซึ่งเป็นบริษัทค้าส่งหนังสือรายใหญ่ เช่น InGram ให้จัดส่งสินค้าโดยตรงให้แก่ลูกค้า

เทคโนโลยีที่ใช้

Amazon ใช้เทคโนโลยีของ Oracle ทั้งโปรแกรมประยุกต์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเว็บไซต์ (Web Application) ฐานข้อมูล (Database) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource) และโปรแกรมบริหารระบบการเงิน (Finance) โดยมีขนาดของ database ใหญ่เป็นอันดับที่ หก ของโลก
วิธี ที่จะทำให้คุณได้รับเงินค่า commission เร็วขึ้น จาก Amazon ทราบกันดีว่าทุกท่านยังเลือกวิธีการให้ Amazon จ่ายเงินเป็น check อยู่ และการรับเงินอีกแบบหนึ่ง โดยเลือกแบบ Direct Deposit วิธีนี้เราจะได้รับเงิน ภายใน 2-3 วัน ซึ่งรวดเร็วกว่า check มาก และเงินเราเข้าไป รอในบัญชีธนาคารเลยไม่ต้องรอ check ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อยๆ 1 อาทิตย์ กว่า check จะมาถึงมือเรา
1. เราต้องมีบัญชี ธนาคารกรุงเทพ (BANGKOK BANK) เสียก่อน ทำไมต้องเป็นธนาคาร นี้เพราะธนาคารกรุงเทพเรามีสาขาอยู่ที่ New York (NEW YORK BRANCH) สหรัฐอเมริกา ซึ่งจะทำให้ Amazon ส่งเงินผ่านทางสาขาที่โน่นเข้าบัญชีเราได้
2. Login เข้า Affiliate central : Click ที่ “Account Setting” แล้วเลือก Change Your payment method
3. เลือก “Pay me by direct deposit” แล้วกด Edit
4. ในช่อง Bank name ให้ใส่ BANGKOK BANK
  • Bank Account Type เลือกเป็น Savings
  • Bank Account Number : ใส่หมายเลขบัญชีธนาคารในไทยของคุณ
  • Routing Number : ให้ใส่ 026008691
5. แล้วกด Save change เป็นการเสร็จขั้นตอน

หลักการทำงานของAMAZON

หลักการทำงานของAmazon.comที่มีแบ่งการทำงานเป็นส่วนๆ ทั้งที่ใช้เป็นเว็บขายสินค้าออนไลน์โดยลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการโดยใส่ Key Wordชื่อสินค้าที่ต้องการแล้วทำการค้นหาซึ่งAmazon.comจะทำการค้นหาสินค้าและรายละเอียดของสินค้านั่นให้หรือส่วนที่ให้บริการในด้านของsearch engine จึงทำให้Amazon.comแต่สิ่งที่ทำให้Amazon.comได้รับความนิยมในหลายๆประเทศอยู่ที่Amazon.comมีการจัดวางโครงสร้างของข้อมูลเป็นอย่างดีจึงทำให้การค้นหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว และในAmazon.com เน้นค้นหาเป็นรูปภาพมากกว่า websearch engine อื่นๆรวมทั้งมีการกล่าวว่าAmazon.comอาจจะทำหน้าที่ในส่วนของsearch engine แทนที่Google ด้วย ดังข้อความข้างล่างนี้
Amazon.com แทนที่หน้าค้นหาของ Google ด้วย MSN Live
MSN Live ได้แทนที่search engineที่ใช้สำหรับค้นหาของเว็บไซต์ Amazon.com ซึ่งเดิม Google ได้เป็นฐานข้อมูลเสิร์ซข้อมูลในเว็บของ Amazon.com โดยฐานข้อมูลของเว็บไซต์ Amazon มีชื่อว่า Alexa ในอดีตได้รับการสนับสนุนข้อมูลจากทาง Google เมื่อผู้ใช้ค้นหาข้อมูลในเว็บของ Amazon ผลจะปรากฏเป็นหน้าค้นจาก Google นั่นเอง
การเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลของ Amazon ครั้งนี้เป็นที่กล่าวถึงในแวดวงอินเตอร์เน็ตอย่างกว้างขวาง ในเรื่องการเปลี่ยนฐานข้อมูลที่อาจกระทบถึงฐานข้อมูลของเว็บไซต์ eBay.com ที่ปัจจุบันยังคงร่วมกับทาง Google อยู่ โดยมีผู้ให้ความเห็นว่าการที่ Google เปิดฐานข้อมูลของตัวเองให้รองรับเว็บไซต์ต่างๆ เปิดโอกาสให้เกิดคู่แข่งในการเป็นฐานข้อมูลให้บริการการค้นหามากขึ้น นอกจากนี้ยังมีผู้คาดการณ์ว่าโลกอินเตอร์เน็ตปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันสูงขึ้น เมื่อพันธมิตรสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นคู่แข่งได้ การเปิดตัวฐานข้อมูลsearch A9 หรือ Alexa ของ Amazon ก็เหมือนเป็นการพัฒนาฐานข้อมูลของตัวเองให้เหนือกว่า Google อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่าทาง Amazon ได้ใช้ Google เพื่อเป็นแนวทางพัฒนาฐานข้อมูลของตนเองให้ก้าวหน้า สิ่งนี้คล้ายกับการที่ Google ได้ทำกับ Yahoo และ Yahoo ได้ทำกับ Netscape ในอดีตนั่นเอง

ความหมายของ AFFILIATE MARKETING หรือ AFFILIATE PROGRAM

ก่อนอื่น ขออธิบายความหมายของคำศัพท์เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันก่อน คำว่า Affiliate หมายถึงผูกพัน เข้าร่วม เป็นพี่น้องกัน หรือประกอบกิจการร่วมกัน แต่ในกรณีที่พูดถึงการค้าขายบนอินเตอร์เน็ตนั้น เราจะหมายถึง การสมัครเข้าร่วมธุรกิจหรือสมัครเป็นผู้ร่วมขาย ผู้ช่วยขาย หรือผุ้แทนขาย ซึ่งหากมีผู้ร่วมขายมากก็ยิ่งมีโอกาสขายสินค้านั้นๆออกไปได้มาก ในรายงานนี้จะเรียกธุรกิจประเภทที่เป็นผู้ร่วมจำหน่ายสินค้าว่า Affiliate Program หรือ Affiliate Marketing โดยใช้ภาษาไทยว่า “ผู้ร่วมขาย
เมื่อดูจากพฤติกรรมการซื้อของผ่านอินเตอร์เน็ตในอเมริกาแล้ว จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมมีธุรกิจประเภท Affiliate Marketing และมีผู้ที่ทำการตลาดออนไลน์เป็น “ผู้ร่วมขาย” ค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีเว็บไซต์และสินค้าใหม่ๆเกิดขึ้นทุกวัน ดังนั้น นอกจากเราจะต้องเลือกผลิตภัณฑ์ (Product) หรือแบรนด์ (Brand) ของสินค้าแล้ว เราจะต้องคำนึงถึงช่องทางในการโฆษณาด้วย เพราะนี่คือหนึ่งในหัวใจของการตลาดประเภท Affiliate Program ช่องทางในการทำโฆษณาที่ผู้ทำการตลาดออนไลน์ประเภทนี้นิยมได้แก่ Pay Per Click Program หรือที่เรามักเรียกกันว่า PPC ยกตัวอย่างเช่นบริการ Google AdWords หรือ Yahoo Search Marketing (Y!SM) เป็นต้น
การซื้อสินค้าใน Amazon นั้น ผู้ซื้อสามารถเข้าไปซื้อโดยการสมัครเป็นสมาชิก หรืออาจจะซื้อผ่านผู้ร่วมขาย
การซื้อผ่านผู้ร่วมขายนี่เอง ทำให้เกิดช่องทางในการสร้างรายได้ เพราะผู้ร่วมขายจะกลายเป็นผู้ที่มีบทบาทในการขายสินค้าของ ถึงตรงนี้หลายๆคนคงอยากทราบแล้วว่า ถ้าต้องการเป็นผู้ร่วมขายสินค้ากับทาง Amazon จะต้องทำอย่างไร
สำหรับผู้ที่สมัครเป็นผู้ร่วมขายสินค้าใน Amazon เราจะเรียกว่า Associates ในภาษาไทยจะเรียกว่า ผู้ร่วมขาย
ทั้งนี้การสมัครเป็น Associates นั้นจะต้องสมัครโดยตรงกับทาง Website โดยการสมัครเป็นสมาชิก เราจะต้องเลือกประเทศว่าจะใช้ประเทศใดในการตลาดขึ้นอยู่กับสินค้าที่เราจะขายให้กับใคร คลอบคลุมเนื้อที่อะไรบ้าง โดยส่วนใหญ่แล้ว Amazon จะมีข้อมูลและสินค้าคล้าย ๆ กัน
เวลาเราเลือกสินค้าที่จะมาทำการตลาดนั้น เราก็เพียงแต่สนใจว่าเป็นสินค้าประเภทใด สินค้าเรียกว่าอย่างไร กลุ่มเป้าหมายคือใคร โดยไม่จำเป็นต้องไปศึกษาให้ลึกซึ้งขนาดว่า สินค้านั้นใช้งานอย่างไร เพราะผู้ซื้อสามารถไปหาอ่านรายละเอียดได้ด้วยตัวเอง หน้าที่ของเรามีเพียงแต่การนำลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์ เท่านั้น
ส่วนในการทำโฆษณานั้น ก็สามารถดูตัวอย่างได้จากโฆษณาของผู้อื่น ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าให้คัดลอกมา แต่ให้ดูว่าสินค้าอื่นๆนั้น ผู้โฆษณารายอื่นเขาเขียนโฆษณาว่าอย่างไร แล้วเราเอามาดัดแปลง เปลี่ยนคำพูดนิดหน่อย

ภาพรวมของ AMAZON

Amazon.com ได้ชื่อว่าเป็นเว็บไซต์ค้าปลีก หรือ webstore ที่ใหญ่ที่สุดในโลกออนไลน์ และยังคงภาพลักษณ์นั้นอยู่จนถึงทุกวันนี้ นับเป็นเวลากว่าสิบปีเศษ จากเว็บไซต์วีกิพีเดีย (www.wikipedia.com) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ประเภทสารานุกรม ถ้าสนใจเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องใด ก็สามารถเข้าไปค้นหาได้ โดยวิธีใช้งานไม่ยุ่งยากเลย เริ่มจากเปิด เริ่มจากเปิดเบราเซอร์เข้าไปยังหน้าเว็บไซต์ www.wikipedia.com แล้วพิมพ์คำค้นหาว่า “Amazon” ก็จะพบเนื้อหาเกี่ยวกับ Amazon โดยง่าย

มูลค่าการตลาด (MARKET VALUE)

จากข้อมูลในการจัดอันดับธุรกิจประเภทค้าปลีกในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า Amazon เป็นร้านค้าออนไลน์ที่มียอดขายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจประเภทเดียวกัน ด้วยยอดขายรวมการจำหน่ายสินค้าในปี พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) เท่ากับ 10.710 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

การขนส่งสินค้า ( PRODUCT SHIPPING )

โดยปกติแล้วสินค้าที่มีการสั่งซื้อในแต่ละวันทาง Amazon จะทำการจัดส่งให้ผู้ซื้อภายในวันนั้น ๆ แต่ก็มีสินค้าชนิดหลาย ๆ ชนิดและ หลายยี่ห้อ ที่ไม่ได้เป็นสินค้าของ Amazon ไม่มีสินค้านั้นอยู่ในสต็อก จึงทำให้การขนส่งนั้นล่าช้า เลื่อนออกไปหลายวัน
ดังนั้น รายการสินค้าที่มีการสั่งซื้อเกิดขึ้น ผู้ร่วมขายจะยังไม่ได้รับค่า คอมมิสชั่นชั้นๆ จนกว่าจะมีการส่งสินค้าชนิดนั้น ๆ ออกไปทาง Amazon จึงจะตอบแทนค่า คอมมิสชั่น นั้นๆ ให้

ประเภทของการขนส่งสินค้าใน AMAZON

การขนส่งสินค้าใน Amazon มีหลายประเภทตามความต้องการของผู้ซื้อ โดยเราสามารถแบ่งได้ 3 ประเภทคือ
1. ส่งแบบธรรมดา การส่งของประเภทนี้ ผู้ซื้อจะเป็นผู้จ่ายค่าขนส่งเอง โดยจะจ่ายเพิ่มตามข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ระบุไว้
2. Free Super Saver Shipping คือการส่งสินค้าถึงมือผู้รับโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ กรณีนี้ผู้ซื้อจะได้รับสิทธิก็ต่อเมื่อ มีการซื้อสินค้าราคา 25$ ขึ้นไปหรือเป็นไปตามข้อกำหนดอื่น ๆ ตามเงื่อนไขที่ทาง Amazon หรือ Third Party ได้ระบุไว้ แต่โดยทั่วไปจะมีข้อกำหนดเพียงสองข้อคือ จะต้องมีการซื้อสินค้าราคา 25$ ขึ้นไป และที่อยู่ในการจัดส่งเป็นประเทศอเมริกาเท่านั้น จึงจะจัดส่งให้ฟรี ง นอกจากนี้แล้วหากผู้ซื้อได้ทำการซื้อขายหลาย ๆ รายการบางรายการจะจัดส่งในขณะที่บางรายการไม่ตรงตามเงื่อนไข และไม่สามารถใช้บริการฟรีค่าจัดส่งได้ ในกรณีที่ส่งถึงผู้รับคนเดียวกันและสถานที่ที่ระบุไว้จัดส่งเป็นที่เดียวกัน เราสามารถกำหนดให้มีการจัดหีบห่อให้น้อยกล่องมากที่สุดเพื่อประหยัดค่าขนส่งให้มากที่สุด โดยสามารถระบุความต้องการนี้ได้ในขั้นตอนของการชำระเงิน
แต่การจัดส่งวิธีนี้ก็มีข้อจำกัดอยู่ตรงที่ จะต้องส่งไปยังที่อยู่ใดที่อยู่หนึ่งในประเทศอเมริกาเท่านั้น กล่าวคือ ผู้ซื้อไม่สามารถขอให้ส่งไปยังที่อยู่อื่น ๆ ใน ประเทศอเมริกาเกินกว่าหนึ่งแห่งได้ และสินค้าที่ซื้อไม่สามารถเอาราคาของสินค้ารวมกันเพื่อให้มีมูลค่าเกิน 25 $ ได้

การขนส่งสำหรับสมาชิกที่เป็น AMAZON PRIME

Amazon Prime คือบริการพิเศษสำหรับสมาชิกของ Amazon โดยเสียค่าลงทะเบียนรายปี 79 $ ก็จะได้รับสิทธิพิเศษเกี่ยวกับการขนส่งต่าง ๆ จาก Amazon เช่น หากผู้ซื้อสั่งสินค้าที่เป็นการขนส่งแบบปกติและสินค้าจะส่งถึงมือผู้ซื้อประมาณ 4 – 5 วัน แต่การขนส่งสินค้าตามสิทธิ์ของ Amazon Prime จะช่วยให้ผู้ซื้อได้รับสินค้าภายใน 2 วันทำการเท่านั้น
แต่ถ้าต้องการจะให้ส่งแบบเร็ว พิเศษยิ่งไปกว่านั้น ก็จะต้องเสียค่าขนส่งเพิ่มอีก .399 $ และจะจัดส่งก่อนเวลา 18.00 น. เพียงเท่านี้ผู้ซื้อก็จะได้รับสินค้าในวันรุ่งขึ้นทันที
นอกจากนั้น Amazon Prime ยังไม่มีการกำหนดมูลค่าขั้นต่ำของสินค้าที่สั่งซื้ออีกด้วย หมายความว่า สั่งซื้อของในราคา 1 $ ทาง Amazon ก็จะจัดส่งให้ฟรี ไม่เหมือนโดยทั่วไปตรงที่การส่งฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายนั้น ผู้ซื้อจะต้องสั่งสินค้ามูลค่า 25 $ ขึ้นไป ยกเว้นในกรณีพิเศษหรือ โปรโมชั่น สำคัญ ๆ
แล้วสิทธิ์พิเศษ Amazon Prime นี้ก็ยังสามารถสมัครเพิ่มให้กับสมาชิกอื่น ๆ ซึ่งมี นามสกุลเดียวกันแม้จะอยู่กันคนละบ้านได้ รวมทั้งหมด 4 คน ต่อ 1 บัญชี Amazon แต่สิทธิ์นี้ใช้ได้กับ ผู้ที่อยู่ประเทศอเมริกาเท่านั้น
เนื่องจากเรื่องของการขนส่ง เราในฐานะผู้ร่วมขายสินค้าของ Website Amazon อาจจะไม่มีความจำเป็นจะต้องศึกษารายละเอียดให้มากมายจนเกินไป เพราะผู้ซื้อโดยส่วนใหญ่ทราบแล้วว่า การขนส่งและค่าขนส่งของสินค้าใน Amazon มีอัตราที่สมผล และผู้ซื้อมักเปรียบเทียบเฉพาะราคาของสินค้ามากกว่าค่าขนส่ง
จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่าทาง Amazon เอง ก็พยายามจะหาบริการรูปแบบต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ซื้ออยู่เสมอจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมสินค้าของ Amazon จึงมียอดขายอย่างต่อเนื่องและเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลที่คนส่วนใหญ่จะหาของขวัญให้กัน ร้านค้า Online อย่าง Amazon ในทุก ๆ ประเทศจะได้รับการสั่งสินค้าในปริมาณที่มากกว่าช่วงเวลาปกติ ดังภาพเป็นการบันจุหีบห่อและจัดส่งในเทศกาล Christmas และปีใหม่ จะเห็นได้ว่า มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก จริง ๆในช่วง เทศกาลต่าง ๆ

ราคาสินค้าของ AMAZON

ในบางครั้งผู้ซื้ออาจจะซื้อสินค้าไปในราคาถูกกว่าราคาที่เราเห็น เช่น ในรายการประจำวันสรุปการขายสินค้าของเราแสดงว่า เราขายสินค้าอย่างใดอย่างหนึ่งออกไปได้ เมื่อ เราได้การตรวจสอบราคาตามรายงานผล ซึ่งในเบื้องต้นจะแสดงเป็นลิงค์ของสินค้าที่ขายได้ และพบว่ามีราคา 100 $ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ซื้ออาจจะเป็นสมาชิก ของ Amazon ทำให้สามารถใช้สิทธิ์ซื้อสินค้าในราคา 95 $ หรือผู้ซื้อใช้สิทธิ์ลดราคาจากการใช้บัตรของขวัญ หรือเลือกที่จะซื้อสินค้า มือสอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ราคาสินค้าที่จะเอามาคำนวณค่า คอมมิสชั่น จึงอาจจะใช่หรือไม่ใช่ 100 $ ก็ได้ ดังนั้นเราจะทราบราคาแท้จริงของสินค้าที่ขายได้ก็ต่อเมื่อทาง Amazon รายงานผลสินค้าที่ขายได้ และ สรุปยอดค่า คอมมิสชั่น
ทั้งนี้ราคาสินค้าที่แสดงใน Amazon นั้นแบ่งออกเป็น ราคา สินค้าใหม่และราคาสินค้าที่ใช้แล้ว เมื่อเราเลือกดูสินค้าใด ๆ เราจะเห็นว่าข้อมูลของสินค้า ราคา และรายละเอียดอื่น ๆ ซึ่งดูจากตัวอย่าง ดัง ภาพ เป็นนาฬิกา ยี่ห้อ Seiko ราคา ปกติ 250 $ แต่ราคาที่ขาย คือ 141.72$ ค่าส่งฟรี เมื่อเทียบกับราคาปกติแล้ว ประหยัดได้ถึง 108.28 $
สำหรับรายงานผลนั้นทาง Amazon จะคิดคำนวณค่าคอมมิสชั่น ปรับปรุงยอด และรายงานผลให้เราได้ทราบประมาณ 1 วัน ทำการ หลังการขายของหรือขนส่งสินค้าเสร็จแล้ว ยกตัวอย่าง เช่น สินค้าที่มีการสั่งซื้อ และขนส่งออกไปในวันที่ 1 มกราคม 2551 ก็จะรายงานผลในวันที่ 2 มกราคา 2551 เป็นต้น

การคืนสินค้า ( RETURN )

สินค้าใน Amazon นั้นจะมีการรับประกันความพึงพอใจและรับสินค้าภายในเวลาที่กำหนด แต่จะเป็นกี่วันนั้นขึ้นอยู่กับรายละเอียดซึ่งจะระบุในสินค้าแต่ละประเภท
การที่ทาง Amazon มีเงื่อนไขการรับประกันความพึงพอใจนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งในการส่งเสริมการขายและเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้ซื้อ เนื่องจากผู้ซื้อเองจะมีความรู้สึกว่า เมื่อซื้อสินค้าไปแล้วหากไม่พอใจ ก็สามารถรับคืนสินค้าและรับเงินคืนได้
ดังนั้นเราอาจจะพบว่า ในบางครั้งเราจำหน่ายสินค้าได้และทาง Amazon มีการคิดค่าคอมมิสชันให้เรียบร้อยแล้ว แต่ในเวลาต่อมาทาง Amazon ได้ขอคืนค่าคอมมิสชันนั้นจากเรา เนื่องจากทางผู้ซื้อมีการคืนสินค้ากลับมา
จากภาพเป็นการรายงานผลประเภทรายได้ ( Earning Report
ก่อนที่เราจะเป็นผู้ร่วมขายสินค้าของ Amazon ได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ทาง Amazon จะต้องบรรจุเราให้เข้าไปอยู่ในระบบของ Amazon เสียก่อน ดังนั้น เราจึงต้องทำการลงทะเบียนเป็นผู้ขายให้เรียบร้อย
วิธีการลงทะเบียนเป็นผู้ขายสินค้าของ Amazon นั้นก็ไม่ยุ่งยากหรือมีเงื่อนไขขั้นตอนต่าง ๆ มากมายอะไรเลย นั่นก็อาจจะเป็นเพราะว่า ทาง Amazon เองก็อยากจะให้มีผู้ร่วมขาย หรือ Associates Member มาก ๆ เพื่อจะได้จำหน่ายสินค้าของเขาให้ได้มากขึ้นนั่นเอง

วิธีและขั้นตอนในการสมัครเป็นผู้ร่วมขาย

มาถึง วิธีและขั้นตอนในการสมัครเป็นผู้ร่วมขาย หรือ Amazon Associates
เริ่มจากเปิดบราวเซอร์ พิมพ์ชื่อเว็บไซต์ www.amazon.com ก็จะพบหน้าตาของเว็บไซต์เมื่อคุณผู้อ่านเลื่อนลงมาบริเวณด้านล่าง จะพบรายละเอียดมากมายของ Amazon
0ากภาพเป็นการเข้าสมัคร Associates
ให้เลือกที่ Apply now เพื่อเข้าสู่รูปแบบฟอร์มการลงทะเบียน
เข้าสู่ขั้นตอนการสมัครที่ไม่ยุ่งยากอะไรเลย เริ่มต้นจากการกรอกอีเมลล์ที่เราต้องการใช้ในการติดต่อกับทาง Amazon และเลือกที่ No, I am a new customer. เพื่อยืนยันว่าเราเป็นผู้สมัครใหม่ เสร็จแล้วคลิก Sign in using our secure server จากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนกรอกรายละเอียด ต่าง ๆ ดังภาพ
สำหรับหน้านี้เราจะต้องกรอกรายละเอียดข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ, นามสกุล, อีเมลล์, พิมพ์ชื่ออีเมลล์อีกครั้งเพื่อการยืนยัน ในส่วนของวันเดือนปีเกิดนั้นจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ (optional) จากนั้นก็ใส่รหัสผ่านที่ต้องการใช้ โดยพิมพ์รหัสผ่านสองครั้งเพื่อยืนยันเช่นกัน
ซึ่งอีเมลล์นี้จะเป็นการยืนยันจากทาง Amazon ว่า การสมัครเป็นผู้ร่วมขายสินค้าของ Amazon ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้เขียนขอแนะนำให้เก็บอีเมลล์ที่ได้รับจาก Amazon ไว้ทุกฉบับ เพื่อประโยชน์ในการอ้างอิงภายหลัง
Amazon Associates ID เป็นรหัสที่ระบบของ Amazon ตั้งให้โดยอัตโนมัติ สำหรับสมาชิกผู้ร่วมขายสินค้าให้กับ Amazon ทุกคน โดยจะมีตัวเลขห้อยท้ายต่าง ๆ กันไปในแต่ละสาขาของ Amazon แต่ละประเทศค่ะ เช่น -20 สำหรับสมาชิกที่ทำการตลาดของ Amazon.com หรือ -21 สำหรับสมาชิกในประเทศอังกฤษ Amazon.co.uk เป็นต้น
ข้อแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Associates ID คือ คุณผู้อ่านควรเก็บไว้เป็นความลับพอสมควร ไม่ควรเปิดเผยต่อผู้อื่น เนื่องจากว่าอาจจุมีผู้ไม่หวังดีบางรายเอา Amazon Associates ID ของเราไปใช้ทำอย่างอื่น ซึ่งอาจจะผิดกฎของ Amazon จนทำให้เราถูกระงับการใช้งานก็เป็นได้

ประโยชน์

1. สามารถขายสินค้าได้ในราคาถูกกว่า Website อื่น ๆ
2. มีส่วนลดมากกว่า
3. เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการ ออกไปข้างนอกสามารถดูข้อมูลได้เลย จาก Website
4. เป็นร้านขายสินค้าที่ Online ตลอด 24 ชั่วโมง
5. ราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าทั่ว ๆ ไป
6. ไม่ต้องคำนึงถึงด้านการจัดส่ง เพราะมีบริการจัดส่งฟรี
7. มีการจัดโปรโมชั่น ต่าง ๆมากมาย ซึ่งตามร้านขายของทั่วไป มีจำนวนน้อยที่จะมีการจัดโปรโมชั่น
8. มีการทำงานที่ง่ายของ ระบบ Website สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ถูกต้อง
9. ประหยัดเวลาในการ Shopping
10. สมัครง่าย
11. ง่ายต่อการใช้ข้อมูลสินค้า
12. สามารถเลือกดูสินค้าได้ง่าย



สรุป

Amazon ก็คือ Website ชนิดหนึ่งซึ่งใช้ในการแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า Online ผ่านระบบ Internet โดยใช้กันทั่วโลกสามารถลืบค้นข้อมูล ในระบบ Internet ได้ด้วย มีลูกค้าในระบบสมาชิกจำนวน 160 ประเทศทั่วโลก โดยระบบของ Amazon จะทำการจัดส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อสินค้า สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้อย่างมากและช่วยให้ลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้นในการเลือกซื้อสินค้าในระบบ
ประเภทของสินค้าที่ Amazon ขายในปัจจุบันมีดังนี้ หนังสือ CD เพลง DVD วิดีโอ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซอฟต์แวร์ ของเล่น วิดีโอเกมส์ สินค้าสุขภาพและความงาม ศิลปะและของสะสม เครื่องครัว อุปกรณ์และเครื่องตกแต่งสวน เครื่องมือที่ใช้ในบ้าน และยังมีร้าน Shops ซึ่งมีผู้จำหน่ายรายย่อยเข้าร่วมจำนวนมากและมีสินค้าที่ขายอยู่อย่างหลากหลาย พร้อมกับส่วนการประมูลหรือ Auction ซึ่งทำให้บุคคลธรรมดาสามารถนำสิ่งของของตนไปประมูลขายหรือหาซื้อสินค้าจากผู้อื่นได้
และ amazon ใช้เทคโนโลยีของ Oracle ทั้งโปรแกรมประยุกต์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเว็บไซต์ (Web Application) ฐานข้อมูล (Database) การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource) และโปรแกรมบริหารระบบการเงิน (Finance) นั่นเอง









ไม่มีความคิดเห็น:

ร่วมเป็นสมาชิก Blogseothai คุณคือตัวจริง !