แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ blogspot แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ blogspot แสดงบทความทั้งหมด

วิธีการตั้งค่าโดเมนที่ Godaddy วิธีสมัคร Hostgator


วิธีการตั้งค่าโดเมนที่ Godaddy 



คราวที่แล้วได้พูดถึง วิธีตั้งค่าโดเมนที่จดกับ Netfirms เพื่อนำมาใช้กับ Blogger (blogspot) ไปแล้ว วันนี้จะมาแนะนำวิธีการตั้งค่าโดเมนที่ Godaddy เพื่อนำมาใช้กับ Blogger กันบ้างนะคะ จะอธิบายกันแบบละเอียดยิบๆเลยนะคะ มาเริ่มกันเลยจ้า….
ก่อนอื่นก็ต้อง log in เข้าไปที่ godaddy ก่อนนะคะ จากนั้นก็ไปที่ My Account ค่ะ
godaddy-blogger-custom-domain1
เมื่อเข้ามาในส่วนของ My Account แล้ว หน้านี้จะมีรายชื่อโดเมนของเราแสดงอยู่ ถ้าโดเมนที่คุณต้องการจะนำมาใช้กับ Blogger ปรากฎอยู่ตรงนี้ก็คลิกที่ Advanced Details ที่อยู่ด้านหลังชื่อโดเมนนั้นๆเลยก็ได้ค่ะ แต่ถ้าไม่มีโดเมนที่คุณต้องการแสดงอยู่ตรงส่วนนี้ (ตรงนี้จะแสดงแค่ 5 รายชื่อ) ก็ให้คลิกไปที่ View Domain Manager นะคะ

เราควรใส่ keyword ในเว็บเพจตรงใหนดี ?

เราควรใส่ keyword ในเว็บเพจตรงใหนดี ?



  1. ใช้ keyword ที่บริเวณ ชื่อหน้าเพจ (Title) ให้เราใส่ Keyword ที่เราต้องการจะใส่โดยให้น้ำหนักจากการเรียงจาก ซ้ายไปขวา อันนี้สำคัญที่สุด ห้ามขาดหรือลืมใส่เด็ดขาด เพราะจะทำให้ Search Engine ไม่ทราบว่าเนื่อหาของเราเกี่ยวกับอะไร โดย search engine จะ Title เป็นข้อหัวหลัก แล้วเอาเนื้อหามาเป็นตัวเพิ่มคะแนนของเว็บเพจนั้นๆ
  2. ใช้ keyword ที่บริเวณชื่อหัวข้อของเนื้อหา (Heading tag) โดยการใช้ H1,H2,H3 เป็นต้น แต่ไม่ควรใส่ keyword ในทุกๆ H ใส่แค่ H1 หรือ H2 ก็พอ
  3. ใช้ keyword ที่บริเวณ เนื้อหาในส่วนแรก (First Content) ให้ใส่ Keyword ไว้ในตำแหน่ง 20 คำแรกโดยประมาณ ให้ชัดเจน หรืออาจจะใช้ตัวอักษรลักษณะเอียงก็ได้
  4. ใช้ keyword ที่บริเวณ ลิงค์เชื่อมโยงมาตรฐาน (Standard Text Link) คือการเชื่อมโยงในลักษณะ การใช้ Text link เป็นตัวเชื่อมโยง แล้วแทรก Keyword ผสมเข้าไปด้วย
  5. ใช้ keyword ที่บริเวณ เนื้อหาในส่วนสุดท้ายของหน้า (The last content) เพื่อเน้นย้ำหรือใช้ในการสรุปเนื้อหา อาจจะใช้เป็นลักษณะตัวเอียงหรือหนา (แนะนำให้ใช้ tag <b>คีย์เวิร์ด</b> แทน <strong>คีย์เวิร์ด</strong> เพราะ Search Engine ชอบ HTML แบบเก่ามากกว่าแบบใหม่) ก็ ได้ครับ
  6. ใช้ keyword ที่บริเวณ เมนูเลื่อนลง (Drop Down Menu) Drop down menu นี้เป็นที่ซ่อน Keyword ที่ดีอีกที่ที่ไม่ควรมองข้าม
  7. ใช้ keyword ตั้งชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ (Folder name, File name) วิธีนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจพอสมควรครับกับการทดลองใช้ในหลายๆ เว็บที่ผมลอง หากต้องใช้ Keyword มากกว่า 1พยางค์ ควรใช้เครื่องหมาย ?-? เป็นตัวคั่นกลาง
  8. ใช้ keyword ที่บริเวณ คำอธิบายรูปภาพ (Images alt tag) การใช้ tag alt เข้าช่วยนั้นเพราะว่า Search Engine นั้นไม่รู้จักรูปภาพเราสามารถบอก Search Engine ให้รู้ว่าภาพนั้นเป็นภาพของอะไรได้โดยใช้ tag alt=?keyword? นี้เข้าช่วย
  9. ใช้ keyword ที่บริเวณ คำอธิบาย ลิงค์ (Text link title) การใช้ text link title นั้นคลายการใช้ tag alt เพียงแต่ tag นี้ใช้อธิบาย link
  10. ใช้ keyword จด Domain name ด้วย Keyword (Domain name register) การใช้ Keyword หลักของเว็บในการจด Domain name นั้นหากทำได้ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ
  11. ในส่วนของเนื้อหา ให้เน้น keyword ด้วย tag <b>คีย์เวิร์ด</b> ซัก 2-3 แห่ง แต่ต้องระวังไม่ใส่มากเกินไป
  12. ในช่วย ย่อหน้าแรกๆ ควนใส่คีย์เวิร์ด ใน tag < p> ประมาณ 2 ครั้ง จะเป็นการดี

http://www.seoido.com/seo-website/useing-keywords-in-webpage-100.html#more-100

วิธีเพิ่มปุ่ม like-blogspot-facebook


วิธีทำปุ่ม Like ให้ Blogger

ช่วงนี้กลับมาเห่อ blogger รู้สึกว่ามันน่าใช้ขึ้นจริงๆ แต่พูดก็พูด Google เองคงไม่ปลื้มและคงไม่เชียร์ Facebook เท่าไหร่ เพราะพี่แกก็อยากเดอะโซเชียลกับเค้าบ้าง (กะครองโลกว่างั้น) ก็เลยมีอี G+ ออกมาแข่ง
ปุ่มแชร์ที่ให้มากับ Blogger ผมว่ามันกากมาก ซึ่งสำหรับคนอ่านบล๊อก ผมว่ามันดูยุ่งยาก แถมขนาดก็กระจึ๋งเดียว เป็นขาวดำอีกตะหาก ไม่เหมือนปุ่ม like กดทีเดียวก็ไปโผล่ที่ Profile คนอ่านทันที
วันนี้ก็เลยมี วิธีทำปุ่ม Like ให้ Blogger มาฝากกัน
เริ่มกันโลด นี่คือสำหรับ code ที่จะนำไปใช้นะครับ (มือใหม่ค่อยๆทำนะครับ ไม่ยาก เชื่อผม)
<b:if cond='data:blog.pageType == &quot;item&quot;'>
<iframe allowTransparency='true' expr:src='&quot;http://www.facebook.com/plugins/like.php?href=&quot; + data:post.url + &quot;&amp;layout=standard&amp;show_faces=false&amp;width=100&amp;action=like&amp;font=arial&amp;colorscheme=light&quot;' frameborder='0' scrolling='no' style='border:none; overflow:hidden; width:450px; height:40px;'/>
</b:if>

Blogger Blogspot New มือใหม่ทำบล็อก


             มือใหม่ที่ใช้ blogger.com ทำบล็อกนะครับเคยสงสัยไหมว่า

เมื่อทำ atom.xml แล้ว google ไม่อินเด็กหรืออาจจะนานมากผิดปกติเท่าที่ทำมาเจออยู่อย่างเดียวนะครับคือการใช้ Label ทำให้บอทมาติดอยู่แค่ที่ label ไปต่อไม่ได้ โดยส่วนตัวผมก็เอา label ออกแล้วไปใช้ link list แทนหากเทพท่านใดเคยเจอปัญหาอื่นก็เอามาบอกันบ้างนะครับหรือใช้อะไรที่ดีกว่า link list วันนี้เสร็จงานต้องกลับบ้านแล้วที่บ้านก็ไม่ได้ติดเน็ตเห้อ Lips Sealed 

          ส่วนวิธีการทำแผนที่ให้บล็อกของเรานะครับตามนี้เลย พอดีนึกได้ให้ url ไป submit แต่ไม่บอกวิธี Tongue เลยขอแก้ตัวเอามาเพิ่มให้นะครับ
ของ google ครับ http://itoeblog.blogspot.com/2009/05/sitemap-blogger.html  
ของ bing ครับ http://www.108blog.net/archives/2461 
และของ yahoo http://forums.thaisem.com/index.php?topic=4028.0 
ขี้เกียจทำเองขอเอาของคนอื่นมาลงและกันนะ

SEO Blogger Templates


เสาะหา Blogger Templates อยู่นานหลายเจ้าด้วยกัน แล้วผมจะเลือกเจ้าไหนดีล่ะ บางเจ้าแค่ตัว DEMO ที่ทำไว้อวดชาวบ้านเขายังหน้าตาเพี้ยนๆ เลย แล้วผมจะกล้าโหลดมาใช้ได้เยี่ยงไรกัน กว่าจะเจอเว็บที่เขาทำไว้สวยๆ และพอมีถูกใจบ้างก็เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกัน ใครเป็นสาวก Blogger ก็แนะนำเจ้านี้เลย
จากที่ทดลองมาแล้วไม่ทำให้ผิดหวัง






 Blogger Templates



บริการรับออกแบบเว็บไซด์




การสร้าง SiteMap ให้กับ Blogger หรือ Blogspot

ให้บล็อกของเราใช้ประโยชน์จาก Google Sitemap เพื่อ index และสำรวจบล็อกของเรา ช่วยให้การเก็บข้อมูลในบล็อกของเรากับ Google เป็นไปได้ง่ายขึ้นค่ะ

ก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าไปที่ Google Sitemap และทำการลงทะเบียนด้วย Google Account (ต้องมี ไม่มีไม่ได้ค่ะ ) และเมื่อได้ Account แล้วก็ทำการใส่ url ของเราลงในช่องด้านล่าง แล้วคลิก Ok เลยค่ะ






ทีนี้บล็อกของเราก็จะเข้าไปอยู่ใน Accout Webmasster tool ของเราแล้วค่ะ แล้วเราก็ทำการคลิกที่ Verify



ไปดูที่ Choose verification method เลือก Add a Meta tag และ Copy Mata Tag



ไปเปิด Blogger ที่เราลงทะเบียนไว้ในตอนแรก เข้าไปที่ Tamplate



เพื่อวาง Mata Tag ระหว่าง (head) และ (/head) เมื่อเสร็จเรียบรอ้ย ทำการ Save และ republish

กลับไปที่ Webmaster Tool เพื่อ คลิก ปุ่ม verify ด้านล่างข้อความ
"I've added the META tag in the home page of http://xxx.blogspot.com/"




และเข้าไปที่หน้า Webmaster tool เำพื่อทำการ Add SiteMap



เข้าไปคลิกเลือก Add General Web Sitemap และพิมพ์ ชื่อบล็อกของเรา ตามด้วย atom.xml ดังรูป




เพียงเท่านี้เราก็ช่วยให้ Spider ของ Google ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดูน่าเลื่อมใส ขลังขึ้นเป็นกอง

สุรีรัตน์ จันทรัตน์
Blogger Blogspot :)

http://siamblogspot.blogspot.com/2007/03/sitemap-blogger-blogspot.html

การโปรโมทบล็อก PromoteBlogger


1. Link ไปหาบล็อกอื่น
วิธีที่ง่ายที่สุด ก็คือทำ link ไปหาบล็อกอื่น ๆ ที่คุณสนใจก่อนเลย นักเขียนบล็อกหลาย ๆ ท่านมักะใจจดใจจ่อ อยู่ตลอดอยู่แล้วว่า จะมีใครทำ link มาหาบ้าง เมื่อคุณลิงค์ไปหาเค้าก่อน คุณก็อาจจะได้เป็นจุดสนใจ ทำให้เจ้าของบล็อกนั้น ๆ รู้จักบล็อกของคุณ คราวนี้แหละครับ ถ้าบล็อกเราดีจริง เค้าก็คงไม่รังเกียจที่จะทำ link มาหาเราแน่นอนครับ หรือถ้าให้ชัวร์ หลังจากที่คุณทำลิงค์ไปหาบล็อกอื่นแล้ว ลองเมล์ไปบอกเจ้าของบล็อกเค้าด้วยก็ดีครับ ว่าเราทำลิงค์ไปหาแล้วนะครับ

2. ไป Comment ที่บล็อกคนอื่นบ้าง
เวลาเราไปอ่านบล็อกคนอื่น ก็ไปเขียนคอมเม้นต์ไว้บ้างนะครับ มีคำแนะนำนิดนึงว่า อย่าไป spam comment เค้านะครับ เพราะขนาดเราเองยังรำคาญเวลามีคนมา spam comment ของเรา ใจเขาใจเราครับ ( เพิ่มเติมครับ ตอนนี้ในส่วน comment ของระบบ blog อย่าง wordpress มักจะมีแท็ก no follow ครอบอยู่ ทำให้ไม่สามารถช่วยในเรื่อง link popularity ได้แล้วนะครับ คงได้ประโยชน์คือให้เจ้าของบล็อก รู้จักบล็อกเราเท่านั้ัน)


เพิ่ม Blogger Sitemap ใน Google Webmaster Tool


เพิ่ม Blogger Sitemap ใน Google Webmaster Tool

      ปกติผมลองให้ google หา ชื่อ blog ผม มันก็เจอะครับ แต่พอ ลองค้นหัวข้อบทความ แต่ละบทความมันหาไม่เจอ  แต่พอมาทำ sitemap แล้วมันหาหัวข้อบทความจนเจอครับ มันสามารถมากเลยครับ

หลังจากทำแล้วค้นเจอครับ ขึ้นหน้าหนึ่งเลย

การทำ SEO (Search Engine Optimization)


ขั้นตอนการทำ SEO (Search Engine Optimization)

1. วิเคราะห์การแข่งขัน โดยดูจาก การค้นหา คีย์เวิร์ดของเราเทียบกะคู่แข่ง
2. เลือกคีย์เวิร์ดที่เหมาะสม
3. ปรับแต่งเนื้อหาภายในเว็บ
4. เขียนเนื้อหาให้ตรงกับ อัลกอริทึ่ม ของแต่ละ search engine
5. การออกแบบเว็บให้ search engine เข้าถึงได้สะดวก
6. การลงทะเบียนกับ search engine ต่างๆ
7. การสร้างลิงค์ให้กับเว็บไซต์ ในเว็บเรา และเว็บอื่นๆ
8. ติดตามประมวลผล การเลื่อนลำดับ เวลาค้นจาก Search Engine แต่ละที่

code แต่ง Blog แต่ง เว็บ รวมโค้ดใช้ประจำ



รวมโค้ดที่ใช้ประจำ สำหรับมือใหม่ (ทำใหม่)

รวมโค้ด แต่งHi5 แต่งBlog แต่เว็บ ที่ใช้ประจำ,รวมโค้ดที่ใช้ประจำ,code hi5,code blog ,code html,โค้ดใส่รูปภาพ ,โค้ดใส่เพลง,เปลี่ยนสี Link,โค้ดตัวหนังสือวิ่ง,โค้ดใส่ Search Google,โค้ดเปลี่ยน BG,code นับคนเข้าเว้บไซต์,โค้ด แต่งกรอบ comment ,โค้ดแต่งข้อความวิ่งต่าง

ปรับแต่ง Blogger ให้แรงและได้ค่า CTR Rate สูง

ปรับแต่ง Blogger ให้แรงและได้ค่า CTR Rate สูง

วันนี้ผมจะอธิบายถึงวิธีการที่จะปรับแต่ง Blogger ให้สามารถติดโฆษณา Adsense บริเวณใต้ชื่อโพสของแต่ละโพสน่ะครับ ขึ้นตอนอาจจะดูวุ่นวายนิดนึง แต่คิดว่าทุกท่านคงจะสามารถทำตามได้ หากติดปัญหาตรงส่วนไหน ก็สามารถ post ถามได้น่ะครับ ผมก็มือใหม่เช่นกัน เรียนรู้กันไปครับ

สาเหตุที่ Blogger ทุกคนอยากติดโฆษณา Adsense ของตัวเองลงที่บริเวณใต้ชื่อโพสก็เพราะว่า บริเวณนี้เป็นบริเวณที่ีมีโอกาสทำให้คนที่เข้ามายัง website ของเรา click ที่ Ads ของเรามากที่สุด ส่งผลให้ web page ของเรามีค่า CTR Rate สูง และเราได้รับค่าตอบแทนมากที่สุดด้วย

ปรับแต่ง Blogger ให้แรงสุดๆ ด้วย SEO Optimization

Blogger นอกจากจะฟรีแล้วยังมี Theme สวยๆให้เลือกมากมาย

ไม่ต้องห่วงเรื่องแบนวิทธิ์ ห่วงแต่ว่า มันจะแบนเรา

วันนี้มาแนะนำวิธีปรับแต่ง Onpage ให้ Blogger ต่อจากภาคแรก

http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,60266.0.html

ขออนุญาติ เอาหัวข้อกระทู้ ปรับแต่ง Blogger ให้แรงสุดๆ ด้วย SEO Optimization! ของคุณ BB มาตั้งใหม่เป็นภาคที่สอง ของการปรับแต่ง SEO ให้กับ Blogger ภาคนี้เป็นการต่อยอดการทำ SEO ให้กับ เว็บบล็อก จากค่าย Google เหมือนเดิม หรือที่เราคุ้นเคย ในชื่อ Blogger.com หรือ Blogspot.com นั่นเอง

หลังจากที่เราได้ทำการปรับแต่ง Onpage ให้ Blogger ตามวิธีการของคุณ BB แล้ว ด้วยการ

1. ปรับให้หัวข้อเรื่อง หรือ keyword มาก่อน description ตรง title bar
2. ใส่ Meta tag และ Meta Description

SEO ให้ Blogspot เพื่ออันดับบล็อกการตลาดที่ดี Blog Marketing


Search engine ทุกแห่งต่างพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ การพัฒนานั้นย่อมเกิดกระบวนการใหม่ขึ้นมา ส่วนตัวนั้นผมจะให้ความสำคัญกับการทำ Onpage มากๆ บทความนี้จึงเป็นการนำความรู้เกี่ยวกับ Onpage ที่เกิดจากการติดตามผล สังเกตุ และวิเคราะห์ ความสำคัญของ Onpage ของ Google Bot สรุปออกมา เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยน ความรู้และประสบการ์ณที่เหล่า SEO ได้เจอมาครับ
จากการสังเกตุนั้นพบว่า Google ได้มีการให้คะแนนในฝั่ง Onpage เช่นเดียวกับการให้คะแนนในฝั่งของ Offpage (ที่เรียกว่า PageRank) ส่วนตัวผมได้เรียกคะแนนนั้นว่า ค่า “Priority”
Priority คือ ค่าการประเมินผลของการปรับแต่ง Onpage ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีกี่ระดับ แต่จากการทดสอบนั้นพบว่ามันแบ่งออกเป็นสามระดับ ค่านี้ไม่แปรผันกับ PR (PageRank) อาจแบ่งได้ดังนี้
  1. Basic Priority คือการปรับ Onpage เพื่อรองรับการทำ SEO ทั่วไป โดย  Basic Priority นั้นจะเป็นค่าในระดับเริ่มต้น ซึ่งเกิดจากการปรับ  URL Title หรือ Meta (อธิบายเพิ่มเติม) ส่งผลให้ Bot สามารถเข้าใจว่า Content นั้นคือ Content อะไร ซึ่ง Bot ก็จะนำไปวิเคราะห์ Offpage เพื่อทำการจัดอันดับต่อไป
  2. Medium  Priority คือการปรับ Onpage เพื่อเพิ่มประสิทธิ์ภาพการทำ SEO หลักการของการปรับ Onapge ใน Medium  Priority นั้นก็เพื่อทำให้ Bot ทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งการเพิ่มประสิทธิ์ภาพนั้นจะมีหลายวิธีการดังตัวอย่างต่อไปนี้
    • มี Sitemap เพื่อง่ายต่อการเข้าถึงหน้าต่างๆ ในเว็บไซต์ (ในกรณีที่เว็บไซต์มีขนาดใหญ่) ทำให้ Bot ทำงานได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้นในการ Crawl แต่ละครั้ง อีกทั้งยังทำให้ Content ใหม่ในเว็บไซต์ที่ Post ไป Index อย่างรวดเร็ว
    • มี Breadcrumbs เพื่อเป็นการบอกตำแหน่งของ Content นั้นๆ ทำให้ Bot เข้าถึงตำแหน่งต่างๆ ของ Content ได้ถูกต้องตาม Site Structure ที่วางไว้
    • มีการทำ Web Site Optimization เพื่อเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ ทำให้การเข้ามา Crawl หนึ่งครั้งในเว็บไซต์เก็บข้อมูลได้มากขึ้นกว่าเดิม
    • ผ่านมาตรฐาน W3C Validation เพื่อเป็นตัววัดคุณภาพ ตามมาตรฐาน ISO
  3. High Priority คือการปรับ Onpage เพื่อผู้ใช้เป็นหลัก โดยพิจารณาการจัดอันดับจาก “คุณภาพผู้เข้ามาใช้งานเว็บไซต์” ซึ่ง Google เริ่มที่จะให้ความสำคัญมากขึ้น หลักการก็คือเว็บไซต์ใดก็ตามที่มีผู้ใช้เข้ามาใช้งานมากและนาน Google จะจัดอันดับให้เว็บไซต์นั้นสูงขึ้น
    หากตามไปเจอเว็บไซต์ที่ Backlinks น้อย Density มีปริมาณที่แปลกๆ อาจจะน้อยเกินไปหรือมากเกินไป แต่สามารถอยู่ในอันดับที่ดีๆ ได้ตั้งข้อสันนิฐานได้ว่าเว็บไซต์นั้นอาจจะเป็น High Priority เว็บนั้นเอง
    ขยายความคำว่า “คุณภาพผู้เข้ามาใช้งานเว็บไซต์” สักหน่อย คุณภาพผู้ใช้นั้นก็เสมือนกับเป็นกระจกส่งถึงคุณภาพของเว็บไซต์ เมื่อเว็บไซต์ดี มีเนื้อหาไม่ซ้ำใคร (Unique Content) เว็บไซต์สามารถ Present ตัวเองได้ดีกว่าเว็บไซต์คู่แข่ง เมื่อผู้ใช้เข้ามาเจอเว็บไซต์ของคุณก็อยากจะกลับมาอีก (Traffic Return) เว็บไซต์ของคุณถูกแนะนำและบอกต่อผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำลิงค์มาจาก Blog มาจาก Web Sites มาจาก Social network/Social media  สิ่งเหล่านี้มันสะท้อนไปถึงคุณภาพนั้นเอง ไม่ว่าเว็บไซต์ของคุณจะอยู่อันดับที่เท่าไร เขาจะคลิกเว็บไซต์คุณเข้ามาใช้งาน และใช้เวลาอยู่ในเว็บไซต์คุณนานกว่าเว็บไซต์คู่แข่ง และนั้นเองทำให้ Google Bot นำไปประเมินอันดับที่คุณควรจะได้
“Content is King” คำนี้เป็นคำที่เราคุ้นเคยกันดี อย่าลืมว่าผู้เสพ Content ไม่ใช่ Bot แต่คือคน จึงขอเสนอคำอีกคำ นั้นก็คือ “User is King” ซึ่งน่าจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ยังยืน และเมื่อถึงจุดอิ่มตัวของการทำ SEO คุณก็อาจจะไม่จำเป็นต้องสนใจ SEO อีกต่อไป
สุดท้ายนี้บทความนี้เขียนขึ้นมาจากการทดสอบ สังเกตุ สรุปผล โดยนำประสบการ์ณส่วนตัวมาวิเคราะห์ ซึ่งอาจจะถูกหรือผิดใดๆ ก็ตาม จึงน้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกท่านมา ณ ที่นี้ เพื่อให้ได้ซึ่งความรู้ที่สามารถนำกลับมาใช้งานได้ต่อไป


วันนี้ผมจะมาแนะนำให้ทุกท่านทราบถึงลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO ซึ่งทุกๆเรื่องที่ผมพูดไปนั้น ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญในการจัดอันดับทั้งสิ้น ทั้งนี้หากลักษณะโครงสร้างของเว็บเราดีแล้ว มันจะทำให้การทำอันดับของเราง่ายขึ้นมาก ๆ ครับ บ้างครั้งไม่ทำอะไรเลย ปรับแค่โครงสร้างของสามารถขึ้นไปอยู่ในหน้า 1 ได้เลยครับ ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า ทั้งหมดที่ผมจะกล่าวไปนี้ปัจจุบัน Search Engines ไม่ได้นำไปจัดอันดับแล้วนะครับ แต่มันก็ยังมีความสำคัญต่อการทำ SEO อย่างมากเลยละครับ
มาดูกันดีกว่าครับว่าลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO นั้นเป็นอย่างไร ดูที่รูปก่อนนะครับ
ลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO
[ SEO ] ลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO
  1. Title ต้องมี Keyword ที่ค้นหา ซึ่ง Title คือส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้าง อีกทั้งยังปรับโครงสร้างได้ง่ายที่สุด นี้เป็นตัวอย่าง Code ครับ
    <title>Sutenm.com » Blog Archive » วิธีเช็ค Index ใน Domain และ SubDomain ของโดเมนนั้นๆ</title>
  2. Meta Description ต้องมี Keyword ที่ค้นหา Meta Description ก็คือคำสั่งในภาษา HTML ที่ประกาศไว้ภายใน Hearder Tag หรือภายในคำสั่ง <head></head> นั้นเองครับ ความยาวของ Description ไม่ควรเกิน 200 อักษรครับ หากยาวไปมันก็จะไม่แสดงผลนั้นเองครับ นี้เป็นตัวอย่าง Code ครับ

    <meta name=”description” content=”วันนี้ผมมจะมาแนะนเรื่องวิธีเช็ค Index ใน Domain ของเราครับ เช่นโดเมนของผมคือ www.sutenm.com และมี SubDomain คือ” />

    ซึ่งการปรับแต่ง Description นั้นไม่มีผลกระทบกับตำแหน่งของคุณใน Search Engines ครับ แต่มันคือส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ที่ค้นหาทราบว่าในเว็บของเรามีอะไร(แน่นอนว่าในบทความของเราจะต้องมี Keyword คำที่ค้นหาอยู่ด้วยครับ) ซึ่งส่วนมากมักจะกำหนดให้มันเป็นแบบ Static คือกำหนดคำที่เราต้องการให้โชว์ใน Search Engines เข้าไปเลย ซึ่งมันก็แล้วแต่ลักษณะความต้องการของเราอีกทีครับ แต่หากเราไม่ใส่ Description ไปนั้นใน Google มันจะไป Random Description มาให้เราครับ ซึ่งในเว็บนี้ผมก็ไม่ได้ใส่ไว้ครับ
  3. URL ต้องมี Keyword ที่ค้นหา หรือบางท่านอาจจะเรียกว่า URL Structure ครับ สำหรับวิธีปรับแต่ง URL ให้เป็น URL Structure นั้นจะใช้วิธีการเขียน .htaccess ไฟล์ไปวางใน Root Directory ครับซึ่ง Hosting ที่เราใช้บริการอยู่จะต้อง Support htaccess ด้วยนะครับ
  4. Meta Keyword คือ Keyword ที่เราต้องการเน้นในหน้านั้น ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับเนื้อหาในเว็บของเรา หากมีคนค้นหาใน Keyword นั้น ๆ แล้วต้องการให้เว็บของเราแสดงออกมา ซึ่งเราสามารถใส่ได้หลายๆ คำโดยใช้่เครื่องหมาย , คั่นครับ
    <meta name=”keywords” content=”Check Index, Domain, Site:, SubDomain, เช็ค Index” />
ทั้งหมดที่กล่าวมันนั้นคือลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO นะครับ ซึ่งส่วนสำคัญคือ 3 ข้อแรกครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเว็บของเราโครงสร้างไม่ดี ก็ใช่ว่าจะขึ้นไปอยู่ในอันดับดี ๆ ไม่ได้นะครับ แต่หากเราปรับโครงสร้างเว็บของเราแล้วจะทำให้การทำ SEO ขึ้นตอนต่อไปมันง่ายขึ้นอีกเยอะครับ





กลับมาว่ากันด้วยเรื่องของการทำ SEO ให้กับ Blogspot ของเรากันบ้าง จากครั้งก่อนที่ว่าด้วยเรื่อง บล็อกการตลาด เริ่มอย่างไร ทำอย่างไร ให้เป็นบล็อกการตลาด ไป และกล่าวถึงความสำคัญของการทำ SEO ให้ Blogspot ของเรา สำหรับวิธีการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ให้กับบล็อกการตลาดของเราในที่นี้นั้น ผมเขียนจากวิธีการทำในแบบของผมเองนะครับ

หากท่านใดอ่านแล้วมีวิธีเด็ดกว่า หรือ มีเทคนิคเคล็ดลับที่บอกเล่าเก้าสิบได้ ก็สามารถบอกเล่ากันได้ถึงวิธีของท่าน เพื่อให้เพื่อนๆ ที่สนใจการทำ SEO บล็อกการตลาดได้เข้ามาศึกษากัน เป็นวิทยาทานครับ สำหรับผมเองมีการทำไม่กี่ขั้นตอนง่ายๆ ครับ

เอาล่ะ... หากพร้อมแล้วเรามาเริ่ม การทำ SEO ให้ Blogspotเพื่ออันดับบล็อกการตลาดที่ดี ในแบบฉบับของผมกันเลยดีกว่า...

7 ROAD MAP สู่การทำ BLOGGER อย่างมืออาชีพ



และเมื่อตอนนี้เราได้ทำการติดตั้งโปรแกรมในบทที่แล้วเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อมาสำหรับเพื่อน Adsense ในระดับพื้นฐานคือมาเริ่มต้นค้นหา market กันดีกว่าซึ่งถือว่าเป็นขุมกำลังทำเงินให้กับเราทีเดียว โดยเราจะใช้เครื่องมือที่เรามีอยู่ตอนนี้คือ Goodkeywords มาทำการหาตลาดครับ อันดับแรกเราต้องมีความเข้าใจก่อนนะครับว่าถ้าเราต้องการทำ Adsense แบบไม่ให้โดนแบนแบบง่ายๆแล้วล่ะก็ การทำแบบ white hat จะมีความจำเป็นกับเรามากที่สุด ซึ่งหลักๆคือ เราจะต้องทำ ฺweblog ของเราให้ติดอันดับการค้นหา 1-10 ของ keywords นั้นๆ ซึ่งถ้าเราค้นหา keywords ดีๆได้แล้ว เราสามารถทำบล็อกของเราให้ติดอันดับ 1-10 ได้ไม่กี่วันเท่านั้น (ซึ่งตรงนี้จะก่อให้เกิดทราฟฟิก ที่จะเปลรายนเป็นเงินให้กับเราในเวลาต่อมาครับ) โดยมีหลักในการค้นหาตลาดดังนี้


1.อันดับแรกควรกำหนดกลุ่มตลาดที่เราต้องการทำก่อน โดยอย่าเพิ่งไปคำนึงว่ามีคู่แข่งมากหรือน้อย [หาเงิน หางาน หารายได้]
เริ่มจากทำการกำหนดตลาด  keywords ของเพื่อนๆที่ต้องการนำมาใช้ในการสร้าง บล็อกก่อนนะครับซึ่งเทคนิคในการเลือกตลาดเบื้องต้นนั้น เราพอจะแบ่งหมมวดหมู่ของกลุ่ม Keywords ได้ัดังนี้ครับ


1.Business to Business
2.Health and Fitness
3.Home and Family
4.Computer and Internet
5.Money and Employment
6.Marketing and ads
7.Fun and Entertainment
8.Sports and Raction
9.Society and Culture
10.Mobile and Comunication




ซึ่งในแต่ละหมวดหมู่นั้น็จะมีกลุ่ม Keywords ของตนเองครับซึ่งเราสามารถนำ มาทำการค้นหาเพิ่มเติมในโปรแกรม Goodkeywords เพื่อหาหมวดคำหลักจำนวน 100 คำ ดังนั้นในขั้นตอนแรกให้เพื่อนลองจัดกลุ่ม ตลาดที่มีความถนัดก่อนเรียงลำดับตั้งแต่ 1 - 10 เลยนะครับ ลองไล่เรียงเป็นตัวเลขดู วิธีการนี้สำคัญมากนะครับ เพราะกลุ่มตลาดที่เรามีความถนัดมากที่สุด เราจะสามารถประยุกต์เทคนิคและวิธีการ ได้ดีที่สุดครับ ส่วนเราจะแยกได้อย่างไรว่าเราถนัดกลุ่มตลากลุ่มไหนมากที่สุดนั้น เราอาจวัดจากว่า เราสามารถระบุได้หรือไม่ว่า keywords ในกลุ่มนั้นๆ ที่เ็ป็นคำหลัก เราสามารถใส่ได้สักกี่คำ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วถ้าเราถนัดเรื่องใด เราจะสามารถนึกคำได้มากกว่าในหมวดอื่นๆ 


ดังนั้นในตอนนี้จัดกลุ่มเลยครับไล่เลขตั้งแต่ 1 - 10 เรียบร้อยหรือยังครับ ลองดูตัวอย่างของผมนะครับ อันนี้เป็นกลุ่มหมวดที่ผมจัดครับ [หาเงิน หางาน หารายได้]


1.Business to Business
2.Health and Fitness
3.Home and Family
4.Computer and Internet
5.Money and Employment
6.Marketing and ads
7.Fun and Entertainment
8.Sports and Raction
9.Society and Culture
10.Mobile and Comunication


2.ให้หา main keywords ที่เราถนัดมากที่สุดนแต่ละหมวด หมวดละ 10 คำ [หาเงิน หางาน หารายได้]
ขั้นตอนต่อมาให้เราเลือก main keywords ในแต่ละกลุ่ม โดยเป็นคำเดี่ยวก่อนนะครับเ่ช่น money,picture,game เป็นต้นให้เราใส่ต่อท้ายหมวด ลงไปครับ ดังตัวอย่างที่เห็นด้านล่างครับ


1.Business to Business   money      business   sme      profit      risk      financial   freedom   rich      poor      blog
2.Health and Fitness      health      fitness      abs      food      drink      spa      clean      drug      suplement   love
3.Home and Family      house      car      flower      home      internet   net      person      doctor      door      van
4.Computer and Internet   computer   dell      internet   com      power      google      yahoo      email      picture      post
5.Money and Employment   money      rich      jobs      find      huge      coin      network   personal   your      clam
6.Marketing and ads      marketing   ads      network   amway      giffarine   adwords   adsense   seo      affiliate      advertising
7.Fun and Entertainment   fun      game       movie      channel   tv      radio      hollywood   kpop      jpop      tpop
8.Sports and Raction      football      tennis      sport      raction      tabletennis   swimming   niky      run      walking      pool
9.Society and Culture      society      culture      thailand   usa      japan      china      newyear   chismas   voodoo   kenya
10.Mobile and Comunication   mobile      comunation   easy      pin      battery      tool      number   nokia      sumsung   etc   


3.นำ keywords แต่ละคำมาทำการค้นหาคำข้างเคียงใน โปรแกรม Goodkeywords เพื่อหาคำข้างเคียงจำนวน 100 คำ
ในแต่ละชุดคำหลักให้เราไปหาคำข้างเคียงของทุกคำหลัก แล้วเซฟเก็บไว้แบ่งเป็นหมวดหมู่ให้สวยงาม เหมือนกับใน VDO นะครับ


ด้านล่างเป็นตัวอย่าง เอาคำว่า blog ที่อยู่นหมวด 1.Business to Business มาหาคำข้างเคียง 100 คำ ได้ผลเป็นดังด้านล่างดังนี้ (อาจยาวหน่อยนะครับ)


blog               370171
blog news            161308
blog radio            85905
archive blog myspace.com      50229
blog new pink            36834
blog offer store top         26579
bad blog girl            24044
baby blog celebrity         20425
blog club radio            19735
blog debonair            19584
blog create            17413


etc.(อยากรู้ทั้ง 100 คำ ลองไปทำการค้นหาเพิ่มเติมโดยใช้ Goodkeywords นะครับ)


ถ้างงวิธีการให้ชมในวีดีโอนะครับ เพื่อประกอบความเข้าใจ [หาเงิน หางาน หารายได้]


4.เทคนิคในการเลือกคำออกมาทำตลาด 
เมือเราเลือกกลุม่คำว่าจนครบแ้ล้ว ผมจะทำการสรุปเป็นเบื้องต้นตอนนี้ก่อนนะครับว่า คำที่เรามีทั้งหมดในสต๊อก จะอยู่ที่ 10,000 คำ ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากพอ ในการใช้ ทำกับ ฺBlogger ครับ


เราจะทำในทุกๆหมวดโดยเริ่มทำ บล็อกจาก หมวดที่เราถนัดที่สุด 10 บล็อกแรกก่อนทำไปทีละบล็อกตามสูตรที่จะได้เรียนรูในบทต่อๆไป ซึ่งเมื่อเราทำเสร็จสิ้นทั้งหมด เราจะมีบล็อกแบบคุณภาพทั้งหมดจำนวน 100 บล็อก ซึ่งตามโปรแกรมแล้ว็น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือนซึ่งในจำนวน 100 บล็อกนี้จะเป็นฐานทำเงินค่าขนมให้กับเพื่อนๆ แบบแน่นอนเดือนละประมาณ $100 - $300 ซึ่งถือเป็นยอดเงินขั้นต่ำที่ทาง Adsense จะจ่ายเ็ป็นเช็คออกมา แม้ว่ายอดเงินจำนวนนี้จะทำเงินไม่มากนักแต่เนื่องจากโมเดล และสูตรต่างๆที่จะได้เรียนรู้นั้น จะทำให้บล็อกต่างๆยังคงทำเงินอย่างยั่งยืนให้กับเพื่อนๆ ซึ่งเมื่อเราเข้าใจโมเดลการทำเงินของ ฺBlogger แล้ว เราก็เพียงแต่ทำ บล็อกเพิ่มใหม่ขึ้นเรื่อย จัดเป็น set เท่านี้รายรับของเพื่อนๆก็จะทวีคูณขึ้นไปตามจำนวนบล็อกที่สร้างขึ้น โดยอาศัยสูตรโมเดลนี้ครับ


ดังนั้นในตอนน้สิ่งสำคัญที่สุดคือ การจัดหมวด จัดกลุ่ม main keywords และ sub keywords ครับถ้ายังไม่ได้ทำก็ลงมือทำเลยนะครับ เมื่อทำแล้ว อย่าลืมเซฟเก็บไว้ด้วยนะครับ เพราะเราจะนำมันมาใช้ในขั้นตอนต่อไปครับ โดยยังมีลูกเล่นอีกมากในการนำคำเหล่านั้นมาทำให้กลายเป็น super keywords ครับ 

หลักการทำ SEO ให้กับ BLOGSPOT


         สำหรับเพื่อนๆหลายๆคนที่กำลังทำ SEO ให้กับ Blogspot อยู่ โดยปกติแล้ว Blogspot มันเป็นของ Google ยังไงๆมันก็ต้องถูกใจ Google อยู่ดี หากจะทำ SEO สำหรับ Blogspot เอาเวลาไปขยันโปรโมทจะได้ผลดีกว่าครับ แต่ถ้าไม่ปรับแต่งอะไรให้มันซักนิดเลยมันก็ยังไงๆอยู่ มาดูกันว่าควรจะปรับแต่งอะไรภายในบ้าง
Title, Description
ในส่วนของ Title สำคัญมากๆในการติดอันดับ เพราะ Bot ของ Google มันจะรู้ว่าเนื้อหาของบล๊อกเรามันเกี่ยวกับอะไร เช่นเกี่ยวกับ internet Marketing อาจจะตั้ง Title ว่า “Internet Marketing in Thailand” ส่วน Description เป็นการบอกว่า Title ของเรานั้นเกี่ยวข้องกับอะไร เป็นการใส่รายละเอียดให้กับ Title ของเราครับ แต่ส่วนนี้ไม่ค่อยสำคัญมากเท่าไร

การทำ SEO มีแนวทางอย่างไร?


การทำ SEO มีแนวทางอย่างไร? 
ทุกวันนี้ SEO ยังเป็นศาสตร์ที่ต้องลองผิดลองถูกไปเรื่อย ๆ เพราะ Algorithm ของ Search Engine เปลี่ยนอยู่บ่อย ๆ เช่นกัน การทำ SEO จึงเป็นเรื่องที่ทำอย่างละเอียดอ่อน ต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป การลงมือทำจึงต้องใช้การเฝ้าสังเกตอย่างสม่ำเสมอ และต้องอดทนในการรอให้ผลลัพธ์เป็นไปตามที่ราคาดหวัง 
  

แนวทางการทำ SEO สำหรับ Blogger 
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาประมาณ 9 เดือน ผมได้ทดลองทำ SEO กับ Blogger และก็ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ยังต้องพัฒนาฝีมืออีกมาก เพราะคนที่เก่งในเรื่องนี้เขามีกลยุทธ์กันหลากหลายรูปแบบมาก และเกิดจากการทดลองด้วยตนเองและลองผิดลองถูกกันเสียส่วนใหญ่ 

อย่างไรก็ตามการทำ SEO แบบพื้นฐานสามารถเริ่มต้นคล้าย ๆ กัน เมื่อคุณทำตามที่ผมได้แนะนำครบแล้วจะไปเพิ่มเติมอะไรก็ได้ตามใจชอบ และสิ่งที่ผมนำเสนอนั้นก็ไม่จำเป็นต้องทำตามทั้งหมด 100 % แต่ให้เลือกเอาที่คุณคิดว่าพอทำได้หรือเต็มใจที่จะทำเท่านั้น 

ร่วมเป็นสมาชิก Blogseothai คุณคือตัวจริง !