เว็บไซต์ประเภท Social Bookmark ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในการเข้าไปหาข้อมูลต่างๆ และส่วนมากจะมีค่า PR ค่อนข้างสูง และมี Traffic ที่วิ่งเข้ามายังเว็บไซต์มาก นอกจากนี้ Bot ที่มาจาก Search Engine ยังขยันมาเก็บข้อมูลในเว็บไซต์เหล่านี้อีกด้วย ซึ่งโอกาสที่เว็บไซต์ของคุณจะถูก Bot เก็บข้อมูลเข้าไปในฐานข้อมูลนั้นก็มากตามไปด้วย และช่วยให้คุณสามารถปรับค่า PR ให้สูงขึ้นได้ด้วย
PR หรือ Page Rank คือ วิธีการจัดลำดับความสำคัญเว็บเพจทั่วโลกจาก Google การวัดค่าการจัดลำดับนี้ Google ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ 0-10 ยิ่งตัวเลขสูงเท่าไร ค่า PR หรือ Page Rank จะยิ่งสูงเท่านั้น และทำให้ได้รับการจัดลำดับผลลัพธ์จากการค้นหาในอันดับที่ดีจาก Google
เราสามารถทราบว่าเว็บไซต์ของเรา เว็บไซต์ต่างๆ หรือ Blog ต่างๆ มีค่า PR เท่าไร ได้โดยการดาวน์โหลดและทำการติดตั้ง Google Toolbar หลังจากติดตั้งเสร็จคุณจะสามารถเช็กค่า PR หรือ Page Rank ของเว็บไซต์ต่างๆ ได้โดยการเข้าไปที่เว็บไซต์นั้นๆ ซึ่งค่า PR จะปรากฏอยู่ใน Google Toolbar ที่ได้ติดตั้งลงไป
แต่ถ้าหากไม่ต้องการติดตั้งโปรแกรม Google Toolbar ก็สามารถตรวจสอบค่า PR ผ่านบริการแบบออนไลน์ได้ เช่นที่ http://www.showpagerank.net จะมีเครื่องมือต่างๆ ให้สามารถตรวจค่า Page Rank ได้ และยังมีเครื่องมือสำหรับการทำ Search Engine Optimization (SEO) อีกด้วย
วิธีการจัดลำดับ PR นั้น Google จะทำการคำนวณจากลิงก์ของเว็บไซต์อื่นที่เชื่อมมายังเว็บไซต์เรา หรือหน้าโฮมเพจนั้นๆ ของเรา ลักษณะนี้เรียกว่า Inbound Link โดยจะคำนึงถึงคุณภาพของลิงก์ที่มา ถ้าหากคุณสามารถเชื่อมต่อลิงก์กับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาใกล้เคียงหรือคล้ายคลึงกันก็จะทำให้ค่า PR สูงขึ้นได้ และถ้าหากเว็บไซต์ที่ทำการลิงก์มาหาคุณมีค่า PR สูงๆ คุณก็จะได้ค่า PR สูงตามไปด้วย เป็นทางลัดในการเพิ่มค่า PR
การเพิ่มค่า PR คุณสามารถดำเนินการได้โดยการเข้าไปขอเพิ่มลิงก์หรือเพิ่มไดเรกทอรีลิงก์มายังเว็บไซต์หรือ Blog ของคุณ ซึ่งการเข้าไปเพิ่มข้อมูลตัวเองในเว็บ Social Bookmark ชั้นนำที่มีค่า PR สูงๆ อย่าง digg.com, Slashdot.org, 2collab.com เป็นต้น ถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการเข้าไปเพิ่มข้อมูลตัวเองใน Blog ด้วยการเข้าไปคอมเมนต์ใน Blog ต่างๆ ซึ่งอาจจะไม่ได้ผลตอบกลับมาที่คุ้มค่ากับความเหนื่อยมากนัก แต่ก็อย่ามุ่งเป้าไปที่เว็บไซต์ที่มีค่า PR สูงๆ อย่างเดียวจนมองข้ามเว็บ Social Bookmark ที่ยังมีค่า PR ไม่สูงนักไปเพราะเว็บไซต์พวกนี้ถึงแม้แค่ PR จะยังน้อย แต่ในอนาคตก็มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม การปรับระดับเพิ่มขึ้นนั้น ไม่ได้อาศัยแค่ Backlink เพียงอย่างเดียว คุณอาจมี Inbound Link มาหาคุณ 50 ลิงก์ในเดือนนี้ ทำให้คุณมีค่า PR ระดับ 3 แล้วเดือนหน้าคุณไปทำการเพิ่มลิงก์อย่างนี้อีกประมาณ 100 Inbound Link แต่การปรับระดับค่า PR ในครั้งต่อไปอาจไม่ทำให้คุณมีค่า PR เพิ่มจากระดับ 3 เป็นระดับ 4 เสมอไป เพราะต้องดูจากคุณภาพของลิงก์ที่เข้ามาและปัจจัยอีกหลายๆ อย่างประกอบกัน
ดันนั้นการใช้ Social Bookmark ในการทำ SEO จำเป็นต้องมีความขยันอย่างยิ่ง เพราะยิ่งคุณขยันเข้าไปเพิ่มข้อมูลในเว็บ Social Bookmark บ่อยเท่าไร มีบทความเข้าไปโพสต์บ่อยๆ (ไม่ใช่แค่ขยันโพสต์ที่เว็บไซต์ตัวเองอย่างเดียว) ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้ลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของตัวเองมากเท่านั้น เพียงแต่ว่าถ้าคุณสมัครเป็นสมาชิกกับเว็บ Social Bookmark 50 แห่ง ก็ต้องทำการโพสต์ข้อมูลเรื่องเดียวกัน 50 ครั้ง เรียกว่าต้องใช้ทั้งความอดทนและความขยัน แต่ผลที่ได้กลับมาซึ่งก็คือ Backlink ที่วิ่งเข้ามายังเว็บไซต์ของคุณนั้นถือว่าคุ้มค่าทีเดียว
ประเด็นสำคัญที่เราให้ความสนใจในการทำ SEO ผ่านเว็บไซต์ที่เป็น Social Bookmark คือ DoFollow และ NoFollow ซึ่งเป็นคำสั่งพิเศษ (Attribute) ที่ใช้กำกับในแทคลิงก์ เช่น
<a href=www.yourweb.com rel=dofollow>Your Web</a> <a href=www.yourweb.com rel=nofollow>Your Web</a>
โดยมีความหมายต่างกัน ดังนี้
DoFollow หมายถึง ให้ Robot ของ Search Engine ไต่ตามลิงก์นี้ไปยังเว็บไซต์เป้าหมาย โดยการใช้ DoFollow จะมีผลทาง Backlink และยังให้ค่า PR ไปยังเว็บไซต์นั้นด้วย
NoFollow หมายถึง ไม่ให้ Robot ของ Search Engine ไต่ตามลิงก์นี้ไปยังเว็บไซต์เป้าหมาย โดยการใช้ NoFollow จะมีผลทาง Backlink แต่จะไม่ให้ค่า PR ไปยังเว็บไซต์นั้นด้วย
การจะใช้คำสั่ง DoFollow และ NoFollow สามารถใช้ได้สองตำแหน่ง คือ ตำแหน่งของ Meta Tag? เพื่อควบคุมทั้งหน้าเว็บไซต์ เช่น
<META NAME=?ROBOTS? CONTENT=?DOFOLLOW?>
ส่วนอีกตำแหน่งคือตำแหน่งของ Tag
<a href>
ซึ่งอาจใช้กำกับเป็นบางลิงก์หรือทุกลิงก์ เช่น
<a href=?www.Yourweb.com? rel=dofollow>Your Web</a>
ส่วนวิธีการเข้าไปเพิ่มข้อมูลในเว็บไซต์ตัวเองบนเว็บ Social Bookmark เหล่านี้ ก่อนอื่นต้องเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์นั้นก่อน โดยแต่ละเว็บไซต์ก็มีขอบเขตในการให้ Robot จากเว็บ Search Engine วิ่งเข้าไปเก็บข้อมูลได้ต่างกัน เช่น บางแห่ง Robot สามารถเก็บข้อมูลให้เพิ่ม URL หลักไม่เก็บข้อมูลในหน้าย่อย บางแห่งให้เก็บเฉพาะหน้า Main Page บางแห่งเปิดให้ Robot สามารถติดตามไปได้ทุกหน้าเว็บไซต์ โดยการเข้าไปเพิ่มข้อมูลสามารถทำได้ง่ายๆ ไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ เบราเซอร์อย่าง Firefox สามารถเข้ามาช่วยในการทำSEO ได้ด้วย โดยการใช้ Extensions ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ให้ใช้กันฟรีๆ โดยนำความสามารถของเครื่องมือที่มีให้เลือกใช้มากมายนี้มาเพิ่มความสามารถในการทำ SEO ของเราได้ ซึ่งฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมและค่อนข้างมีประโยชน์อย่างมาก ได้แก่
SEO Toolbar เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการค้นหาคู่แข่งและวิจัยตลาด อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกสบายในการตรวจสอบคีย์เวิร์ดที่ได้รับความนิยม และตรวจสอบอันดับ
Rank Checker ตรวจสอบอันดับของเว็บไซต์ใน Search Engine อย่าง Google, Yahoo! Search และ Microsoft Live
Web Developer Toolbar เครื่องมือช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับนักพัฒนาเว็บไซต์ และการทำ SEO โดยเครื่องตัวนี้ทำให้สามารถจัดการ Cache, Cookies, Referrers, JavaScript, CSS ได้ง่ายขึ้น เช่น สามารถ Disable CSS บนหน้าเว็บเพจ เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของหน้าเว็บไซต์ถ้า Cookies
ไม่ทำงาน
User Agent Switcher เป็นเครื่องมือที่ทำให้คุณสามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ได้เหมือนกับเป็น Google Bot ซึ่งเป็นวิธีที่ดีในการตรวจสอบการทำงานของ Search Engine
Search Status เครื่องมือตัวนี้จะทำการแสดง Google PageRank, Alexa Rank, Compete Ranking และ SEOmoz Linkscape mozRank ซึ่งจะปรากฏที่ Status Bar ของเว็บเบราเซอร์ โดยจะมีเมนูให้เลือกใช้มากมาย การแสดงผลจะเหมือนกับหน้า Wikipedia ที่จะปรากฏแถบคำที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดที่ค้นหา
SEO Book Google Gadgets เครื่องมือชิ้นนี้จะยินยอมให้คุณวางเครื่องมือการทำวิจัยลิงก์ คีย์เวิร์ด และคู่แข่ง เอาไว้บนหน้าเว็บเพจของคุณโดยตรง หรือไม่ก็บนหน้า iGoogle ของคุณเอง
เครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยเอื้ออำนวยในการทำSEO เหล่านี้ รวมทั้งความขยันในการเข้าไปเพิ่มข้อมูลในเว็บ Social Bookmark จะทำให้คุณสามารถมี Backlink กลับมายังเว็บไซต์เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้การจัดอันดับเว็บของคุณใน Search Engine ดีขึ้นตามไปด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น