ไม่ว่าจะเป็น Amazon ,ClickBank ,Adsense ฯลฯ
ด้วยวิธีการ SEO นั้น จะได้ผลมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความเข้าใจในกลไกของระบบ
SEO เป็นหลักเป็นผู้ที่ลงมือทำ
โดยหลักคร่าวของการทำ SEO แล้วจะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ1. On Page SEO
2. Off Page SEO
On page seo หมายถึง การจัดการจัดการเนื้อหาของบทความ โดยเริ่มจาก คีย์เวิร์ดเป็นตัวตั้ง จะเกิด หรือ ไม่เกิดก็อยู่ตรงนี้แหละครับ เพราะก่อนจะเป็นคีย์เวิร์ด มันต้องมาจาก ตัวสินค้า และ กลุ่มเป้าหมาย ถ้าเป็น Adsense ก็เพิ่มเรื่องของค่าคลิ๊ก เข้ามาพิจารณา ร่วมด้วย คีย์เวิร์ดที่ดีควรมีความเป็น Niche Long Tail Keywords คือมีความหมายเฉพาะเจาะจงให้ใกล้เคียง และ ชัดเจนที่สุด กับ ตัวสินค้า และ กลุ่มเป้าหมาย สมมุติเช่น วางงานไว้แบบนี้
1. รถยนต์มือสอง (ตัวสินค้า)
2. ประเทศอเมริกา มลรัฐฟลอริดา (กลุ่มเป้าหมาย)
ดังนั้นคีย์เวิร์ดก็จะประกอบด้วย used cars + florida
เมื่อนำมารวมกันเป็นคีย์เวิร์ดก็จะได้ used cars in florida ซึ่งมันเป็น Niche Long Tail Keywords ไปในระดับหนึ่งแล้วหากเล่นแค่ used cars นี้เหนื่อยแย่ครับเพราะคีย์เวิร์ดมันกว้างเกินไป คู่แข่งก็มาก ถ้าคีย์เวิร์ดเป็น Niche Long Tail มากเท่าไหร่คู่แข่งก็จะลดลงไป
ถามว่าการติดหน้าหนึ่งระหว่างคำว่า used cars กับ used cars in florida อะไรจะมีค่า Conversion rate (เปลี่ยนผู้ชมเป็นผู้ซื้อ)สูงกว่ากัน
คำตอบก็คือ used cars in florida น่าจะเป็นตัวที่ดีที่สุด เพราะมันบีบแคบลงมาถึงความต้องการของผู้ค้นหา ที่มีความต้องการซื้อในใจสูงกว่า used cars
หากต้องการขยายความเป็น Niche Long Tail Keywords ให้มากขึ้นก็ใส่คำลงไปอีกเป็น used cars in florida by owner อันนี้กรองลงไปอีกชั้น
ที่บ่งบอกว่า เป็นรถยนต์มือสองที่ขายโดยเจ้าของรถเองในมลรัฐฟลอริดา ถ้าลงมาที่ชั้นนี้ค่า Conversion rate สูงขึ้นไปอีก สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือ ความชัวร์ในการซื้อ
มากกว่าปริมาณผู้ชมที่เข้าไปแล้วหนีไป มาถึงตรงนี้คงพอนึกภาพออกนะครับว่า แค่โจทย์ตัวตั้งก่อนมาเป็นคีย์เวิร์ดมันต้อง ละเอียดกับมันหน่อย
จากคีย์เวิร์ดมาถึงตัวบทความ ตรงนี้แหละครับที่เราต้องงัดกลยุทธ์ด้านการทำ On page seo มาบรรเลงให้เต็มสูบ หัวใจหลักของตรงนี้คือความชัดเจนของบทความ
นั้นก็คือเรื่องของ Keywords density (จำนวนความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด) นั้นเอง หากตรงนี้ขาดไป จบเกมทันทีครับ เพราะ Search มันจะรู้ว่าบทความนี้
เกี่ยวกับอะไร มันก็อยู่ตรงนี้แหละครับ ถ้าเทคนิคชั่นเทพ เค้าจะเล่น คีย์เวิร์ดลงไปตั้งแต่ 3 ระดับคือ คีย์เวิร์ดหลัก + คีย์เวิร์ดรองตัวที่ 1 + คีย์เวิร์ดรองตัวที่ 2
หากสามารถทำได้ในระดับนี้ ได้คะแนนจากGoogle เต็ม 10 ครับในเรื่องของความชัดเจนของบทความ
บางท่านบ่นบอกว่า ใส่คีย์เวิร์ดหลักเข้าไปเกือบ 10% แล้วทำไม่ยังไม่ขึ้นหน้าหนึ่งเสียที คำตอบก็คือ ถ้าคีย์มันไม่แข็งมาก โอเคมันขึ้นได้ไม่ยาก แต่ถ้าคีย์ที่แข็งๆคือมีคู่แข่งจำนวนมาก ลำพังเน้นเฉพาะคีย์เวิร์ดหลักคงไม่เพียงพอ เพราะ Search Engine มันฉลาดพอที่จะลงไปดูว่ามีคีย์เวิร์ดรองมากน้อยเพียงใด ตรงนี้แหละครับ
คือหัวใจหลักในหลักเกณฑ์การพิจารณาให้เครดิตบทความว่ามากหรือน้อย นั้นก็คือความมีคุณภาพของบทความ เพราะ Search Endgine มันอ่านเนื้อหาไม่เข้าใจหรอกครับ
แต่มันพิจารณาจากหลักทางสถิติมาเป็นตัวอ้างอิง บทความที่ดีควรมีคำที่รับกัน สอดคล้องกันในหลายระดับชั้น เน้นคำเดียวโดดกินยากครับ
นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องของการทำให้เนื้อหาไม่ซ้ำ แต่ต้องให้ คนอ่านรู้เรื่อง บอทก็อ่านรู้เรื่อง ด้วย รวมถึงการปรับแต่ง ใส่คีย์เวิร์ดลงใน Tags ต่างๆ มันมีเทคนิคปลีกย่อยลงไปอีกมากมาย
Off page seo ตรงนี้หมายถึงการนำบทความออกไปหาเครดิตจากภายนอก (ในที่นี่หมายถึงการหา Backlinks) รวมถึงอาจได้ Traffic ผู้ชมเข้ามาด้วย ก่อนจะทำ Off page
เราต้องแน่ใจว่าขบวนการ On page เราแม่นยำและดีแล้ว เพราะหาก On page แย่ การทำ Off page ก็เท่ากับว่าเสียเวลาเปล่าครับ เพราะ On page ดีๆ กับคีย์เวิร์ดที่ไม่โหดเกินไป แค่เอาไป Submit ลงที่ Facebook ที่เดียวก็เห็นผลได้เลยถึงการเลื่อนอันดับของคีย์เวิร์ดชัดเจนครับ ถ้าบทความดี มันไม่เหนื่อยในการทำ Off page ครับออกแรงไม่มากก็ขึ้นแล้วครับ การทำ Off page ยังมีวิธีปลีกย่อยอีกมากมายหลายวิธี แต่ที่นิยมกันมากๆ ก็คือวิธีการหา Backlinks
1. การสร้าง Backlinks ที่ Profile วิธีนี้ได้ผลดีพอสมควร และหากใช้ควบคู่กับลายเซนต์ ก็จะดียิ่งขึ้น แต่มีข้อเสียคือ ต้องทำการ Post สม่ำเสมอ แค่ฝาก Backlinks ไว้ที่ Profile หรือ ที่ลายเซนต์ แต่ไม่ Post กระทู้ใดๆ เลย อย่างนี้ไม่ได้ผลนะครับ ยิ่ง Post มากเท่าไหร่ ยิ่งได้ผลมากขึ้นครับ
คำตอบก็คือ used cars in florida น่าจะเป็นตัวที่ดีที่สุด เพราะมันบีบแคบลงมาถึงความต้องการของผู้ค้นหา ที่มีความต้องการซื้อในใจสูงกว่า used cars
หากต้องการขยายความเป็น Niche Long Tail Keywords ให้มากขึ้นก็ใส่คำลงไปอีกเป็น used cars in florida by owner อันนี้กรองลงไปอีกชั้น
ที่บ่งบอกว่า เป็นรถยนต์มือสองที่ขายโดยเจ้าของรถเองในมลรัฐฟลอริดา ถ้าลงมาที่ชั้นนี้ค่า Conversion rate สูงขึ้นไปอีก สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือ ความชัวร์ในการซื้อ
มากกว่าปริมาณผู้ชมที่เข้าไปแล้วหนีไป มาถึงตรงนี้คงพอนึกภาพออกนะครับว่า แค่โจทย์ตัวตั้งก่อนมาเป็นคีย์เวิร์ดมันต้อง ละเอียดกับมันหน่อย
จากคีย์เวิร์ดมาถึงตัวบทความ ตรงนี้แหละครับที่เราต้องงัดกลยุทธ์ด้านการทำ On page seo มาบรรเลงให้เต็มสูบ หัวใจหลักของตรงนี้คือความชัดเจนของบทความ
นั้นก็คือเรื่องของ Keywords density (จำนวนความหนาแน่นของคีย์เวิร์ด) นั้นเอง หากตรงนี้ขาดไป จบเกมทันทีครับ เพราะ Search มันจะรู้ว่าบทความนี้
เกี่ยวกับอะไร มันก็อยู่ตรงนี้แหละครับ ถ้าเทคนิคชั่นเทพ เค้าจะเล่น คีย์เวิร์ดลงไปตั้งแต่ 3 ระดับคือ คีย์เวิร์ดหลัก + คีย์เวิร์ดรองตัวที่ 1 + คีย์เวิร์ดรองตัวที่ 2
หากสามารถทำได้ในระดับนี้ ได้คะแนนจากGoogle เต็ม 10 ครับในเรื่องของความชัดเจนของบทความ
บางท่านบ่นบอกว่า ใส่คีย์เวิร์ดหลักเข้าไปเกือบ 10% แล้วทำไม่ยังไม่ขึ้นหน้าหนึ่งเสียที คำตอบก็คือ ถ้าคีย์มันไม่แข็งมาก โอเคมันขึ้นได้ไม่ยาก แต่ถ้าคีย์ที่แข็งๆคือมีคู่แข่งจำนวนมาก ลำพังเน้นเฉพาะคีย์เวิร์ดหลักคงไม่เพียงพอ เพราะ Search Engine มันฉลาดพอที่จะลงไปดูว่ามีคีย์เวิร์ดรองมากน้อยเพียงใด ตรงนี้แหละครับ
คือหัวใจหลักในหลักเกณฑ์การพิจารณาให้เครดิตบทความว่ามากหรือน้อย นั้นก็คือความมีคุณภาพของบทความ เพราะ Search Endgine มันอ่านเนื้อหาไม่เข้าใจหรอกครับ
แต่มันพิจารณาจากหลักทางสถิติมาเป็นตัวอ้างอิง บทความที่ดีควรมีคำที่รับกัน สอดคล้องกันในหลายระดับชั้น เน้นคำเดียวโดดกินยากครับ
นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องของการทำให้เนื้อหาไม่ซ้ำ แต่ต้องให้ คนอ่านรู้เรื่อง บอทก็อ่านรู้เรื่อง ด้วย รวมถึงการปรับแต่ง ใส่คีย์เวิร์ดลงใน Tags ต่างๆ มันมีเทคนิคปลีกย่อยลงไปอีกมากมาย
Off page seo ตรงนี้หมายถึงการนำบทความออกไปหาเครดิตจากภายนอก (ในที่นี่หมายถึงการหา Backlinks) รวมถึงอาจได้ Traffic ผู้ชมเข้ามาด้วย ก่อนจะทำ Off page
เราต้องแน่ใจว่าขบวนการ On page เราแม่นยำและดีแล้ว เพราะหาก On page แย่ การทำ Off page ก็เท่ากับว่าเสียเวลาเปล่าครับ เพราะ On page ดีๆ กับคีย์เวิร์ดที่ไม่โหดเกินไป แค่เอาไป Submit ลงที่ Facebook ที่เดียวก็เห็นผลได้เลยถึงการเลื่อนอันดับของคีย์เวิร์ดชัดเจนครับ ถ้าบทความดี มันไม่เหนื่อยในการทำ Off page ครับออกแรงไม่มากก็ขึ้นแล้วครับ การทำ Off page ยังมีวิธีปลีกย่อยอีกมากมายหลายวิธี แต่ที่นิยมกันมากๆ ก็คือวิธีการหา Backlinks
ประเภทของ Backlinks
การหา Backinks แบ่งออกเป็นประเภทคร่าวๆ หลักๆ ได้ 5 ประเภทคือ1. การสร้าง Backlinks ที่ Profile วิธีนี้ได้ผลดีพอสมควร และหากใช้ควบคู่กับลายเซนต์ ก็จะดียิ่งขึ้น แต่มีข้อเสียคือ ต้องทำการ Post สม่ำเสมอ แค่ฝาก Backlinks ไว้ที่ Profile หรือ ที่ลายเซนต์ แต่ไม่ Post กระทู้ใดๆ เลย อย่างนี้ไม่ได้ผลนะครับ ยิ่ง Post มากเท่าไหร่ ยิ่งได้ผลมากขึ้นครับ
2. การทำ Backlinks Domain วิธีนี้เอาไว้เรียกบอทได้โดยตรง และ อัดจำนวนได้ไม่ค่่อยมีปัญหา ส่วนใหญ่ต้องใช้โปรแกรมช่วยทำครับ เพราะต้องอัดจำนวนมากๆ
3. การทำ Backlinks ที่ Web2.0 หรือ Social บางที่ ที่สามารถเขียนบทความแล้วใส่ลิ้งค์ยิงมายังเว็บเป้าหมายได้ วิธีนี้ได้ผลดีที่สุด เพราะมันมีเนื้อหาที่ตรงกัน เกี่ยวข้องกัน
4. การ Comment ตาม Wordpress Blog ต่างๆ อันนี้พยายามหาบล๊อกที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกัน และอย่าทำ เนื้อหาของ Comment ให้เป็นสแปมนะครับ ทำให้เนียนที่สุดเท่าที่ทำได้
5. การจ้างหรือและกันติดลิ้งค์ เช่นที่ Blog roll หรือ เว็บไดเร็คทรอรี่ ทั้งหลาย วิธีนี้ส่วนใหญ่จะเสียเงินจ้าง
การ 5 วิธีที่กล่าวมาคือวิธีการที่ผมใช้อยู่ในปัจจุบัน และที่สำคัญคือไม่เน้นปริมาณ แต่เน้นคุณภาพ คือมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกันนะครับ ยกเว้นข้อที่ 2 เท่านั้นทุกวันนี้การทำ Backlinks ต้องระวังเรื่องของการสแปมลิ้งค์นะครับ เพราะหากทำแบบไม่คัดกรองดีๆ คือ อัดมั่วไปหมด มีหวังโดนแบนได้นะครับ
จริงๆ แล้วยังมีเทคนิคอีกมากมาย แล้วจะทยอยนำเสนอเมื่อมีโอกาสนะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น