การทำ SEO

การทำ SEO กับแนวทางการเขียนโปรแกรมในยุคการแข่งขัน SEO (Search Engine) 

บทความนี้ตั้งใจจะเขียนไว้นานแล้ว อนึ่งคืออยากให้เป็นแนวทางสำหรับน้อง ๆ ที่ทำเว็บไซต์ทั้งหลาย รู้เกี่ยวกับแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ เพราะส่วนมากแล้วจะเน้นแต่เขียนโปรแกรมไม่ได้คำถึงถึงหลัก SEO ที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Internet Marketing ที่จะช่วยส่งผลให้เว็บไซต์ประสบความสำเร็จความสำเร็จ หรือความล้มเหลวของธุรกิจบนเว็บไซต์เลยซะทีเดียว


SEO



SEO คืออะไร ???

SEO เพิ่งเกิดมาในประมาณ 5-8 ปีที่แล้ว แต่ในยุคของการแข่งขันอย่างรุ่นแรงจะอยู่ในช่วง 2-3 ปี ก่อนหน้านี้ จะเห็นได้จากบริษัทที่ทำรับพวก SEO เกิดขึ้นมากมาย (เห็นตามโฆษณาตามเว็บไซต์ หรือแม้กระทั่ง Spam อีเมล์ แต่พวกนี้ก็แปลก รับทำ SEO แต่กลับใช้วิธีการ Spam อีเมล์ซะงั้น) ถ้าจะให้พูดถึงรายละเอียดของ SEO นั้นความหมายค่อนข้างจะกว้างเพราะมีองค์ประกอบหลายอย่าง แต่วัตถุประสงค์และเป้าหมายของการทำ SEO จริง ๆ คือ การได้อันดับการค้นหาที่ติดผลการค้นหาในอันดับต้น ๆ ของ Search Engineอย่างเช่น Google , Yahoo และ Bing (ของ Microsoft) แต่คนส่วนมากจะเน้นให้ความสำคัญกับ Google มากที่สุด เพราะมีจำนวนอัตราผู้ใช้ในประเทศมากกว่า 95% ของ Search Engine ทั้งหมด และปัจจุบันคนเวลาจะค้นหาอะไร ก็ใช้บริการ Google กันเกือบทั้งสิ้น

องค์ประกอบการทำ SEO นั้น หลัก ๆ จะแบ่งเป็น 2 องค์ประกอบ

1. องค์ประกอบภายในเว็บไซต์
คือการปรับแต่งเว็บไซต์ ให้มีความเหมาะสม เช่น การเลือกใช้ Domain ให้สอดคล้องกับธุรกิจ การปรับแต่ง Title , URL ของเว็บไซต์ การปรับแต่งเนื้อหา และรายละเอียดอื่น ๆ ของเว็บไวต์ เพื่อให้เนื้อหาในเว็บไซต์นั้นสมบูรณ์ และง่ายต่อการจัดเก็บข้อมูลของเจ้า botของ Search Engine เพราะเมื่อโครงสร้างของเว็บไซต์ มีองค์ประกอบที่ดี การที่จะได้คะแนนจาก Search Engine ต่าง ๆ ก็จะสูงไปด้วย และผลที่ตามมาก็คืออันดับการค้นหาก็จะดีไปด้วย

2. องค์ประกอบภายนอกเว็บไซต์
องค์ประกอบภายนอกเว็บไซต์ จะให้ความสำคัญกับ Backlink (ลิ้งค์จากเว็บอื่น ๆ กลับมายังเว็บของตัวเอง)

Backlink


นัก SEO ทั้งหลายจะรู้ดีว่าในอัลกอริทึมของ Search Engine ทุกค่ายทุกตัวนั้นจะให้ความสำคัญกับ Backlink ภายนอก (Backlink คือ ลิ้งค์ที่เว็บไซต์อื่น ๆ ลิ้งค์กลับมายังเว็บตัวเอง) ดังนั้นนัก SEO ทั้งหลาย จะใช้วิธีการสร้าง Network หรือเครื่อข่ายเว็บขนาดใหญ่ ที่มีหลายเว็บ หลาย ไอพี เพื่อสร้าง Backlink จำนวนมาก (ปัจจุบันถูกมองว่า Spam ลิ้งค์) กลับมายังเว็บไซต์ที่ต้องการทำ SEO วิธีนี้ในสมัยก่อนสามารถใช้ได้ดีมาก จึงเห็นมีการซื้อขาย Backlink เกิดขึ้นอย่างมากมาย เว็บไซต์ที่มีทุนในการจัดทำ SEO หนักหน่อย ก็ลงทุนจ้างทำ SEO จากบริษัทที่รับทำ SEO ในราคาแพง ๆ และบริษัทเหล่านี้ก็สร้าง SEO ด้วยการสร้าง Backlink (ซื้อ Backlink) จากเว็บต้นทางที่มีค่า PageRank สูง เพื่อให้ได้ Backlink กลับมายังเว็บที่ทำ SEO (PageRank คืออะไร ?? อ่านได้จากบทความข้างล่าง) และเมื่อได้ Backlink เยอะ รวมทั้งค่า PageRank จากเว็บไซต์ที่เป็น Backlink ก็จะส่งผลให้เว็บที่ทำ SEO นั้น ได้ค่า PageRank สูงเช่นเดียวกัน รวมทั้ง bot ก็จะไต่มาตามเว็บที่เป็นต้นทาง Backlink ก็จะได้รับค่าคะแนน SEO ที่ดีและ bot เข้ามาเยี่ยมชมเพื่อ Index ข้อมูล (Index คือกาจัดเก็บลงในฐานข้อมูลของ Search Engine) ซึ่งมีผลทำให้เว็บถูกจัดอันดับการค้นหาสูงขึ้นไปด้วย

จากอัลกอรึทึมดังกล่าวมานั้น ได้สงผลเสียต่อวงการเว็บไซต์อย่างมาย เพราะเป็นเสมือนการส่งเสริมการสร้าง Link ขยะในระบบอินเตอร์เน็ตอย่างมากมาย สังเกตุได้จากพวก Spam ตามเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อต้องการ Backlink กลับไปยังเว็บไซต์ของตนเอง และเว็บไซต์ที่ขาย Backlink แทนที่เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาจะได้ Link กับเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง แต่กลับได้เป็น Link ที่ถูกทำ SEO ซึ่งไม่มีประโยชน์ต่อผู้ใช้เลย และเป็นการทำ SEO ที่ไม่ถูกต้อง และเสี่ยงต่อบทลงโทษของ Google อย่างมาก ซึ่งวิธีการและหลักการทำSEO ที่ถูกต้องจะขออธิบายแนวทางในบทความนี้อย่างคร่าว ๆ พอให้เข้าใจ เพื่อจะนำไปประยุกต์กับเว็บไซต์ของตนเองได้

Google PagrRank

Google PageRank (PR)



ทำไมต้องทำ SEO ???
SEO เป็นเหมือนช่องทางหนึ่งสำหรับการทำธุรกิจ ยิ่งธุรกิจที่ต้องการนำเสนอสินค้าหรือบริการ ยิ่งสินค้าและบริการนั้น ได้ผ่านสายตา ผู้เยี่ยมชมมากเท่าไหร่ โอกาศที่จะได้รับผลตอบแทนจากการขายสินค้หรือบริการก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย ในมุมมองของนักทำ SEOการที่จะมีเว็บไซต์ที่สวยหรู่ แต่ถ้าหากเว็บไซต์ไม่ได้รับความนิยม หรือไม่ติดหน้าแรก ๆ ของ Search Engine อันเนื่องจากขาดความเข้าหลักการ SEO ที่ถูกต้อง หรือไม่ได้ทำ SEO เลย ก็อาจจะส่งผลให้ธุรกิจนั้น ๆ ไม่สามารถยืนหยัดและอยู่ได้ เพราะไม่มีคนรู้จักSearch ไปก็ไม่เจอ หรืออยู่อันดับท้าย ๆ ซึ่งถูกมองข้ามจากผู้คน ส่งผลยอดขายหรือผู้ใช้บริการน้อย ธุรกิจมีรายได้น้อยก็เจ้งในที่สุด เพราะฉะนั้นสรุปได้ว่า การเขียนโปรแกรมหรือทำเว็บไซต์ สวยงามหรู่เพียงใด แต่ถ้าหากขาดการเข้าใจหลักการของ SEO หรือInternet Maketing ที่ถูกต้อง เว็บไซต์นั้น ๆ ก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ อันเนื่องจากไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งอื่น ๆ ที่สามารถทำ SEO แล้วเว็บไซต์อยู่ในดำดับต้น ๆ ได้

SEO Rank


สำหรับการพื้นฐานการทำ SEO ที่ถูกต้อง ผมจะขอธิบายตามความเข้าใจและความรู้ของผมเอง ไม่ได้ไปเรียนรู้มาจากไหน แต่อาศัยประสบการณ์ รวมทั้งการอ่านและศึกษาจากแหล่งต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ขอแยกรายละเอียดตามหัวข้อย่อย ๆ เพื่อความเข้าใจ (และถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ)


SEO กับ แนวทางการเขียนโปรแกรม

01. Domain ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
การเลือกชื่อโดเมนที่สอดคล้องกับเว็บไซต์ โดยให้มี Keyword อยู่ในโดเมนด้วย เช่น ทำเว็บเกี่ยวกับจัดทัวร์ไป Hongkong ก็อาจจะใช้ TourHongkong.com ซึ่งมี keyword ว่า Hongkong และ Keyword ที่สอดคล้อง เช่น Tour และชื่อโดเมนไม่ควรยาว จนถุกต้องว่า Spam ชื่อโดเมน เช่น ThailandPackageTourTravelHongkong.com (แบบนี้ก็ยาวเกินไป จนเกินความจำเป็น)


02. Title นั้นสำคัญไม่แพ้ใคร <title>
หลาย ๆ ครั้งจะเห็นว่าบางเว็บไซต์ใช้ Title ของเว็บไซต์ที่ซ้ำ ๆ กันหรือเหมือนกันทั้งเว็บ ซึ่งอันนี้เป็นข้อเสียอย่างมากที่สุดอย่างหนึ่งของการทำเว็บไซต์ที่คำนำถึงหลัก SEO เลยก็ว่าได้ ฉะนั้น Title ที่ดีควรจะสอดคล้องกับเนื้อหา และมี Keyboard อยู่ในองค์ประกอบด้วย เช่น

Package เที่ยว Hongkong ราคาถูก เยี่ยมชม ดิสนีย์แลนด์ บนเกาะฮ่องกง 19,000 บาท


มุมมองของ HTML

<title>Package เที่ยว Hongkong ราคาถูก เยี่ยมชม ดิสนีย์แลนด์ บนเกาะฮ่องกง 19,000 บาท</title>


จากตัวอย่างจะมีการใช้ Title ให้มี Keyword ที่พอดีสวยงามไม่สั้นและเยอะยาวจนเกินไป เช่น

Package Hongkong , เที่ยว Hongkong , เที่ยว Hongkong ราคาถูก, เที่ยว Hongkong ดิสนีย์แลนด์ , Package Hongkong บนเกาะฮ่องกง 19,000 บาท


แบบนี้ Keyword เยอะก็จริง แต่อาจจะถูกลดความสำคัญ และ อาจจะถูกมองว่าเป็น Spam


03. Tags Description ของ meta name="description"
Meta Description เป็นจุดสำคัญอย่างหนึ่งของการทำ Search Engine เหมือนกัน คือจะเป็นการอธิบายให้กับทาง Search Engine ได้ทราบรายละเอียดสั้น ๆ เกี่ยวกับบทความ ควมทั้งจะแสดงข้อความสั้น ๆ ในหน้าค้นหาด้วย
อันนี้ก็ควรใส่ให้พอดี ไม่ควรใช้คำซ้ำ ๆ เพราะไม่มีประโยชน์ และอาจจะถุกมองว่าเป็น Spam เช่นเดียวกัน

เช่น

<meta name="keyword" content="บริการนำเที่ยวเกาะ Hongkong ในราคาถูก เช่น ดิสนีย์แลนด์ นั่งเรือชมอ่าววิคตอเรีย ชมทัศนียภาพบนเกาะฮ่องกง ในราคาถูก เพียงท่านล่ะ 19,000 บาท ด่วนจำนวนจำกัด">


กำลังส่วยงาม ไม่สั้นและยางจนเกินไป


04. Tags Keyword ของ meta name="keyword"
บางเว็บไซต์ใส่ Keyword เป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันผมคิดว่า ไม่มีประโยชน์และไม่จำเป็นอีกแล้ว เพราะ Search Engine ไม่ให้ความสนใจ และถ้าใส่อาจเยอะก็อาจจะถูกมองว่าเป็น Spam เช่นเดียวกัน


05. URL บ่งบอกวัตถุประสงค์
URL นี้ก็สำคัญพอ ๆ กับ Title และ Domain เพราะ URL นั้นเมื่อ bot มาเก็บเนื้อหา bot สามารถอ่านและแปลความหมายของ URL ได้เช่นเดียวกัน พวก URL ที่เป็นค่า $_GET หรือ QueryString ทั้งหลายไม่ควรใช้ เช่น

www.TourHongkong.com/view.php?id=1234


อันนี้ไม่ควรใช้ แต่ควรใช้ URL แบบ mod_rewrite ด้วย Keyword (สามารถค้นหาวิธีการใช้ mod_rewrite ได้จากข้างบนขวามือ) และการใช้ URL ควรมีความสัมพันธ์กับ Title เช่นเดียวกัน เช่น

Mod Rewrite (mod_rewrite) ด้วย Apache สร้าง URL Friendly รองรับ SEO ด้วย (.htaccess)



Title = Package เที่ยว Hongkong ราคาถูก เยี่ยมชม ดิสนีย์แลนด์ บนเกาะฮ่องกง 19,000 บาท

ควรใช้ URL เป็น

www.TourHongkong.com/tour/package-hongkong-disneyland-lowprice-19000.html


หรือใส่ Keyword อื่น ๆ ลงไป แต่ไม่ควรเยอะหรือยาวจนเกินไป


06. เน้นคำและ Keyword ด้วย <strong> นั้นก็มีประโยชน์
สำหรับตัวนี้จะใช้เน้น Keyword ในบทความ เพื่อให้ความสำคัญกับบทความนี้ว่าเกียวข้องกับอะไร และก็เช่นเดียวกัน ไม่ควรใช้เยอะจนเกินไป ดูตัวอย่างได้เช่น

บริษัทไทยครีเอทบริการนำเที่ยว Hongkong ราคาถูก พาเยี่ยมชมอ่าววิคตอเรีย ชมทัศนียภาพของเกาะฮ่องกง นยามค่ำขึ้น ..................
.....................................................................................................................................
...................................ท่านจะได้รับความประทับใจจากการเที่ยวฮ่องกงอย่างมาก จนมิอาจลืมเลือน...........


มุมมองของ HTML

บริษัทไทยครีเอทบริการนำ<strong>เที่ยว Hongkong</strong> ราคาถูก พาเยี่ยมชมอ่าววิคตอเรีย ชมทัศนียภาพของเกาะฮ่องกง นยามค่ำขึ้น ..................
.....................................................................................................................................
...................................ท่านจะได้รับความประทับใจจากการ<strong>เที่ยวฮ่องกง</strong>อย่างมาก จนมิอาจลืมเลือน...........


จากตัวอย่างจะเห็นว่ามีการเน้นคำว่า เที่ยว Hongkong และ เที่ยวฮ่องกง เพื่อให้บทความนี้โฟกัสคำเหล่านั้น แต่วิธีนี้ก็ไม่ควรใช้ Keyword เยอะจนเกินไป จนอ่านแล้วความหมายผิดเพี้ยน หรือรำคาญจากการใช้ Keyword จนอาจจะถูกมองว่าเป็น Spam


07. การเรียบเรียงองค์ประกอบของบทความให้สมบูรณ์ ให้อ่านง่าย และน่าสนใจ
ตัวนี้เป็นจุดสำคัญอย่างมากในการเขียนบทความ ซึ่งผมเองก็ไม่กล้าฟันธงว่าแบบไหนคือการเขียนบทความที่ดี แต่พื้นฐานที่เราสามารถเข้าใจได้ง่ายคือ บทความที่ดีควรมี Title ชื่อเรื่องที่ดี น่าสนใจ การมีคำนำ ที่น่าสนใจ ภาพประกอบ และสรุปรายละเอียดของบทความ รวมทั้งอาจจะมีข้อแนะนำหรือข้อเสนอแนะ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป้นการสร้างความประทับใจให้กับผู้เยี่ยมชม ในการที่จะติดตาม หรือกลับมาอ่านบทความอื่น ๆ ของเว็บไซต์ได้


08. Related Link หรือลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเขียนบทบทความเสร็จ ถ้ามีบทความที่เกี่ยวข้อง ควรใส่เป็น Related Link เพื่อผู้อ่านอาจจะสนใจติดตามไปยังบทความนั้น ๆ และยังมีผลดีต่อ SEO ด้วย เพราะ bot จะไต่ไปตามลิ้งค์เหล่านั้นด้วย และการเพิ่ม Related Link ไม่ควรมีมากจนเกินไป (2-5 กำลังพอดี) และควร Related Link หาเว็บตัวเอง ไม่ควร Related Link ออกไปลิ้งค์ภายนอก หรือมีควรใช้ attribute ว่า rel="nofollow" เช่น

<a href="http://www.hongkongdisneyland.com" rel="nofollow">Hong Kong Disneyland Web Site</a>


ตัวอย่างการ Related Link ไปเว็บภายนอกควรใส่ rel="nofollow" เข้าไปด้วย


09. อย่าให้ลิ้งค์ออกมากเกินไป
ตามที่ได้บอกไว้ในข้อก่อนนี้ ในหน้าของบทความนั้น ๆ ไม่ควรมีลิ้งค์ออกมากจนเกินไป และถ้าเป็นเว็บภายนอกก็ให้ใช้rel="nofollow"


10. การได้ Backlink ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับ Backlink นี่คือปัจจัยหลักที่จะทำให้เว็บไซต์อันดับดี ซึ่งจะสอดคล้องกับ บทความที่ดี เพราะถ้าบทความดี เมื่อผู้เยี่ยมชมเกิดความประทับใจ ก็จะทำการลิ้งค์กลับมายังเนื้อหานั้น ๆ ทำให้ได้ Backlink ที่เป็นธรรมชาติ ช่วยให้ SEO ของหน้านั้น ๆ สูงไปด้วย แต่ถ้าต้องการได้ Backlink อันรวดเร็วหรือจากเว็บที่มี PR สูงก็สามารถทำการฝากลิ้งค์หรือซื้อลิ้งค์กับเว็บไซต์อื่น ๆ แต่เว็บไซต์นั้นควรจะเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา และไม่ควรทำ Backlink จนเยอะเกินไป เพราะอาจจะถูกมองว่าเป็น Spam ลิ้งค์เช่นเดียวกัน


11. การใช้ Tags เพื่อระบุความสำคัญของเนื้อหา
- <h1> สำหรับหัวเรื่องหลัก
- <h2> สำหรับหัวเรื่องรอง
- แอตทริบิวต์ ALT สำหรับรูปภาพ เช่น <img src="images.gif" alt="Hongkong"> บ่งบอกว่ารูปภาพนี้คืออะไร


12. Content and Fresh Content is King
การสร้างบทความที่มีคุณภาพไม่ซ้ำใคร และสร้าง Content ใหม่ ๆ ล้ำหน้าผู้อื่นเสมอ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เว็บไซต์เป็นสิ่งที่น่าสนใจทั้งของผู้เยี่ยมชมและ Search Engine
Fresh Conntent คือ Content สดใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร เช่น ค่ายรถยนต์รุ่นใหม่ เราอาจจะเขียนบทความ Review เป็นคนแรก ๆ หรือโปรแกรมออกเวอร์ชั่นใหม่ รวมทั้งกิจกรรมใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะถ้าหากเขียนเป็นคนแรก ๆ โอกาสที่บทความจะติดในอันดับต้น ๆ นั้นสูงเลยทีเดียว

13. Social Network ช่วยกระจ่ายบทความ และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเว็บ
สร้าง Fanpage ปุ่ม Like , Share สิ่งเหล่านี้ก็ช่วยกระจายเนื้อหาและประชาสัมพันธ์เว็บไซต์ หรือเป็นช่องทางสำหรับโปรโมทสินค้าหรือบริการได้ดีเลยทีเดียว


14. สร้าง Comnunity ให้มีขนาดใหญ่ ช่วยให้เว็บมีขนาดใหญ่ขึ้น
สร้าง Comnunity จะช่วยให้เว็บไซต์มีการแลกเปลี่ยนระหว่างเว็บไซต์กับสมาชิก เช่นสร้างระบบเว็บบอร์ด ซึ่งสมาชิกสามารถแลกเปลี่ยนคงามคิดเห็น ประสบการณ์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยเป็นการเพิ่ม Content เนื้อหาในเว็บไซต์ได้ดีเลยทีเดียว เพราะ Keyword และกระทู้ ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นภายในเว็บไซต์อย่างมากมาย เกิดเป็น Comnunity ขนาดใหญ่ แหล่งข้อมูล ที่ช่วยให้เว็บประสบความสำเร็จได้อย่างดี


15. สร้างมุมมองที่แตกต่าง
สร้างมุมมองที่แตกต่างความคิดสร้างสรร จะเป็นจุดเด่นที่ให้เว็บเราต่างกับคนอื่น อันนี้ผมไม่มีแนวทาง (เพราะตัวเองก็ยังทำไม่สำเร็จ)


16. Webmaster Tools ของ Google (บริการนี้ฟรี)
ใช้บริการ Webmaster Tools ของ Google ช่วยในการจัดการเว็บไซต์ผ่าน Google Search Engine เช่น bot , sitemap และคำแนะนำอื่น ๆ จาก Google

Webmaster Tools


17. Google Analytics ของ Google (บริการนี้ฟรี)
เป็นเครื่องมือวิเคราะห์และวิจัยผู้พฤติกรรมของผู้เยี่ยมชม ตัวนี้มีประโยชน์มาก เพราะจะได้เป็นแนวทางในการปรับปรังเว็บไซต์

Google Analytics


18. สุดท้ายความพยายามเป็นหนทางไปสู่ความสำเร็จ
ข้อสุดท้ายคำว่า "ความพยามยามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น" สุภาษิตนี้ยังใช้ได้เสมอ และเมื่อเว็บอะไรก็ตามที่ทำแล้วประสบความสำเร็จ เราก็สามารถหารายได้จากเว็บไซต์นั้น ๆ หรือสิ่งที่ได้กลับมาคือความสุขและความภาคภูมิใจ ที่ได้ทำในสิ่งที่เราชอบ



สรุป หลักการทำ SEO ที่ถูกต้อง (อันนี้ Google แนะนำมาเอง)

  • สร้างเนื้อหาที่ไม่ซ้ำใครและน่าสนใจ


Google SEO


1. สร้างไซต์ที่มีประโยชน์ และมีเนื้อหามากมาย
2. เป็นตัวของตัวเอง- ทั้งเครื่องมือค้นหาและผู้เข้าชมต่างก็ชอบเนื้อหาออนไลน์ที่ไม่ซ้ำใคร ดังนั้นอย่าคัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่น หรือสร้างเนื้อหาที่ไม่ใช่ของตนเองโดยอัตโนมัติ
3. มีความคิดสร้างสรรค์ - ถึงแม้ความสนใจจะคล้ายคลึงกัน แต่มีความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนในการนำเสนอเนื้อหาของคุณอย่างมีเอกลักษณ์ ความต้องการข้อมูลนั้นไม่มีพรมแดน
4. กระชับ - บรรยายเนื้อหาของคุณอย่างชัดเจนและถูกต้องแม่นยำ ผู้ใช้ชื่นชอบและจะกลับมายังเนื้อหาที่เขียนได้ดีและติดตามง่าย
5. มีส่วนร่วมกับผู้ใช้- ระบุชุมชนผู้ใช้ที่เป็นไปได้ทั้งหมด รวบรวมความคิดเห็นของผู้ใช้และปรับแต่งคุณลักษณะให้สอดคล้องตามนั้น

  • การจัดวางที่มีประสิทธิภาพและการนำทางที่ชัดเจน


Google SEO


1. การจัดวาง

1.1 สร้าง แท็กชื่อที่สั้นแต่ได้ใจความ ซึ่งต่างกันอย่างชัดเจนสำหรับแต่ละหน้าเว็บ
1.2 ใช้ เมตาแท็กคำอธิบายที่ไม่ซ้ำใคร สำหรับแต่ละหน้าเว็บ แท็กเหล่านี้อาจมีผลอย่างมากต่อการปรับปรุงคุณภาพและปริมาณของการเข้าชมจากการค้นหาไซต์ของคุณ
1.3 สร้าง URL ที่เข้าใจง่าย เพื่อช่วยให้ผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาเข้าใจว่าหน้าเว็บของคุณมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร



2. การนำทาง

2.1 ทำให้ ไปยังส่วนต่างๆของไซต์ได้ง่ายขึ้นนี่เป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากจะช่วยให้ผู้เข้าชมของคุณพบเนื้อหาที่พวกเขาต้องการได้อย่างรวดเร็ว
2.2 สร้าง อันดับชั้นที่ลดหลั่นอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ตัดแบ่งเนื้อหาของคุณมากเกินไป
2.3 สร้างการนำทางหลักและเนื้อหาไซต์ของคุณ เป็นข้อความ โดยสามารถเลือกปรับแต่งด้วย Javascript ได้
2.4 ใช้ แอตทริบิวต์ ALT สำหรับรูปภาพ

อันนี้เป็นข้อแนะนำของ Google ที่แนะนำมาทางอีเมล์ เดียวถ้ามีแจ้งมาอีกจะ Update เรื่อย ๆ

  • ลูกค้า - รู้จักผู้ชมของคุณ


Google SEO


ประสบการณ์ของผู้ใช้สามารถสร้างหรือทำลายเว็บไซต์ของคุณได้ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะมองเว็บไซต์ของคุณผ่านสายตาของผู้เข้าชม ประสบการณ์ของผู้ใช้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความใช้งานง่าย การออกแบบ ความเร็วหน้าเว็บ เนื้อหาที่สดใหม่และได้รับการอัปเดต การสนับสนุนของคุณ ความรู้ของผู้ใช้ ความคาดหวังของผู้ใช้ และไซต์อื่นๆ ที่คล้ายกัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ลองดู 


ที่มา:www.thaicreate.com/community/seo-programming.html

ไม่มีความคิดเห็น:

ร่วมเป็นสมาชิก Blogseothai คุณคือตัวจริง !