ไอเท็มกรุ๊ป กับเคล็ดลับการทำ SEO ด้วยตัวเอง

บุญณัฐ ฉัตรเสาวภัณฑ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ไอเท็มกรุ๊ป จำกัด.jpg

บุญณัฐ ฉัตรเสาวภัณฑ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ไอเท็มกรุ๊ป จำกัด

หัดทำเว็บไซต์ด้วยตัวเอง

บุญณัฐ เล่าว่า เริ่มต้นทำเว็บไซต์ด้วยตัวเองมาประมาณ 10 กว่าปีผ่านมา คือเริ่มทำตั้งแต่สมัยที่ยังไม่มีโปรแกรม Dreamweaver ต้องเขียนโค้ดดิ้งแบบ HTML เปิดหน้า Notepad ขึ้นมาและเขียนทีละบรรทัดกว่าจะเสร็จแต่ละหน้าก็ใช้เวลาทั้งวันช่วงแรกก็ต้องอาศัยก็อปโค้ดคนอื่นมาทำก่อน เข้าเว็บไซต์ไหนแล้วรู้สึกชอบการดีไซน์หรือลูกเล่นก็เข้าไปดูซอร์สโค้ดว่าเขียนกันอย่างไรและนำมาปรับใช้ เพราะไม่ได้เรียนจบด้านคอมพิวเตอร์มาโดยตรงเจอใครที่เก่งทางด้านนี้ก็ขอเข้าไปนั่งดูวิธีการทำอาศัยเทคนิคครูพักรักจำมากกว่าช่วงแรกก็ทำเป็นอาชีพเสริมควบคู่กับงานประจำจากนั้นค่อยออกมาทำเต็มตัว ซึ่งไม่ได้ทำแค่เว็บไซต์งานโปรดักส์ชั่นอื่นๆ ก็ทำด้วยเช่นกัน


สำหรับลูกค้ากลุ่มแรกจะเป็นเพื่อนและคนรู้จักที่ทราบว่าทำเว็บไซต์ได้ จากนั้นก็จะเป็นในลักษณะการบอกต่อกัน ซึ่งจะคิดราคาไม่แพงมากเกินไป โดยดูจากการตั้งงบประมาณที่วางไว้ก่อน ถ้ามีงบน้อยก็เลือกเฉพาะสิ่งที่จำเป็น แต่ถ้าตั้งงบไว้สูงก็จะเพิ่มลูกเล่นและฟีเจอร์ที่ใช้งานได้มากขึ้นเข้าไปให้แต่ทั้งหมดก็ต้องดูความต้องการของลูกค้าก่อนทั้งสิ้นและระบบหลังบ้านก็ต้องใช้งานง่าย เพราะลูกค้าจะต้องเป็นคนรับช่วงต่อในการดูแลเว็บเหล่านั้นเอง ถ้าไม่กำหนดเรื่องการออกแบบมากนัก ก็จะหารูปแบบดีๆ มาปรับให้เหมาะสมกับความต้องการที่ลูกค้าวางไว้และเลือกสิ่งที่เค้าต้องการสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าอีกทีไม่ใช่ว่าอัดแน่นทุกอย่างลงไปในเว็บจะกลายเป็นขยะไป


มีลูกค้าที่เป็นช่างภาพต้องการทำเว็บไซต์เพื่อแสดงผลงานเยอะๆ คำแรกที่พูดกับผมก็คือเปิดมาหน้าแรกเป็นแฟลชรูปขึ้นสไลด์สวยๆ อัดลูกเล่นเข้าไปเยอะๆ จึงแนะนำว่าถ้ามีแฟลชในหน้าแรกจะจำกัดการใช้งานได้แต่ในคอมพิวเตอร์ เพราะแฟลชไม่สามารถเล่นในมือถือหรือแท็บเลตได้ ทำให้เสียลูกค่าส่วนนี้ไป อีกทั้งเทรนด์โมบายกำลังมาแรง การแสดงภาพให้สวยมีอีกหลายวิธีซึ่งไม่ควรยึดติดกับแฟลชให้มาก จึงทำตัวอย่างให้เขาดูว่าถ้าไม่ใช้แฟลชยังมีฟีเจอร์อื่นๆที่ช่วยให้แสดงภาพได้สวยและใช้งานได้กับทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งการแนะนำมุมมองอื่นๆ ให้ลูกค้าจะช่วยเปิดแนวคิดให้กว้างมากขึ้น

เทรนด์โมบายสร้างโอกาสให้มากขึ้น

ปัจจุบันเทรนด์โมบายกำลังมาแรง นักพัฒนาส่วนใหญ่ก็นำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้ร่วมกับเว็บไซต์เพราะจะเป็นส่วนเสริมช่วยให้เว็บไซต์อยู่ได้ในระยะยาว ซึ่งเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลาทำให้คนเราเสียเวลาในการทำงานน้อยลง

บุญณัฐ เล่าเพิ่มเติมว่า เคยรับงานลูกค้าในงบราคาไม่ถึง 10,000 บาท เป็นหน่วยงานราชการที่มีงบประมาณน้อยมากและต้องการแค่อัพเดตข้อมูลผู้บริหารทีมใหม่ จึงแนะนำว่าว่าหากทำเว็บไซต์ใหม่ง่ายกว่าการอัพเดตเสียอีก จึงเลือกใช้ Word press มาปรับให้ใช้งานและทำคู่มือการอัพเดตข้อมูลหลังบ้านเองจะได้ไม่ต้องเป็นภาระในการจัดจ้างครั้งใหม่ให้ยุ่งยาก


ถ้าเราส่งมอบงานที่ดีให้ลูกค้าก็จะไม่มีภาระผูกพันอะไรตามมา ก็ไม่อยากให้ลูกค้ายึดติดกับบริษัทที่รับจ้างงานเพราะสมัยนี้เทคโนโลยีเป็นเรื่องง่าย เราสามารถทำงานด้วยโปรแกรม Microsoft Word หรือ Excel ที่มีฟังก์ชั่นยากกว่าด้ และการทำเว็บไซต์ก็ไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินกว่าจะจับต้องเองได้อีกต่อไปแล้ว

การรับงานเว็บไซต์จะอยู่ที่ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก หากต้องการอัพเดตระบบเว็บไซต์เองโดยไม่ต้องการจ้างให้เป็นแอดมิน ก็จะแนะนำให้ทำเป็นเว็บไซต์สำเร็จรูปที่ทำระบบหลังบ้านไว้ให้เรียบร้อย แต่ถ้าต้องการเว็บไซต์สวยและเน้นดีไซน์เป็นหลัก ก็จะแนะนำให้ออกแบบใหม่ในรูปแบบของแบรนด์นั้นๆ ไปเลย ซึ่งงานลักษณะนี้อาจต้องมีบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถให้บริการได้ทั้งสองแบบแต่จะแนะนำแบบแรกมากกว่าเพราะประหยัดทั้งเงินและเวลาของทั้งสองฝ่าย






6 images in gallery

โดยจะย้ำกับลูกค้าหลังการส่งมอบงานเสมอว่า การดึงให้คนเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ของเราเยอะๆ ไม่ควรไปยึดติดเรื่องหน้าตาหรือเทคโนโลยี แต่อยู่ที่การนำเสนอเรื่องราวในเว็บไซต์ว่ามีเนื้อหาดีและน่าสนใจตรงกับความต้องการของคนที่เข้ามาดูหรือเปล่า อย่าไปยึดติดว่าคุณอยากจะเล่าอะไรให้ลูกค้าฟังแต่ให้มองกลับกันและคิดให้ดีว่าลูกค้าอยากจะได้อะไรจากการเข้ามาใช้งานเว็บไซต์ของคุณ ถ้าคิดแบบนี้ได้คุณจะตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกได้มาก

" SEO ทำเองได้ไม่ต้องเสียค่าจ้าง "


การขยันอัพเดตข้อมูลในเว็บไซต์บ่อยๆ และส่งต่อผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์คเป็นการทำงานควบคู่ที่ดีแบบไม่ต้องเสียเงินค่าจ้างให้วุ่นวาย

สมมุติคุณทำเว็บไซต์แสดงภาพและอัพเดตรูปในเว็บทุกสัปดาห์ใส่คำบรรยายใต้ภาพเพื่อให้ค้นหาใน Google เจอและเชื่อมโยงกับโซเชียลมีเดียมากขึ้นจะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีคนเข้ามาใช้งานมากโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ลูกค้ามักถามผมเรื่องการทำ SEO เพราะคาดหวังให้คนที่ค้นหาเข้ามาเจอเว็บไซต์ของแบรนด์เยอะๆ


สิ่งสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์ของแบรนด์หรือองค์กรติดอันดับต้นๆ บน Google แบบไม่ต้องเสียเงินก็คือต้องขยันอัพเดตข้อมูลในเว็บไซต์บ่อยๆ

ในความเป็นจริงการทำ SEO ที่ถูกต้อง คือ การทำด้วยตัวเอง อัพเดตเนื้อหาหรือภาพใหม่ให้บ่อยเพราะสิ่งเหล่านี้จะที่เชื่อมโยงกับความต้องการของคนอ่านหรือสัมพันธ์กับผลการค้นหาดีกว่าการคิด Keyword ซ้ำๆ ซึ่งการทำ SEO เป็นงานที่ต้องขยันทำเองให้มากกว่าการใช้เงินจ่าย เช่น ถ้าคุณรับทำไวนิลแต่ไม่เคยมีเนื้อหาหรือรายละเอียดใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับไวนิลเลยก็ไม่ต่างอะไรกับเว็บไซต์ซื้อขายสินค้าทั่วไป ลูกค้าก็ไม่เชื่อว่าคุณมีฝีมือจริง ดังนั้นการหาคอนเทนต์ที่ดีมาลงในเว็บไซต์มันก็ยากเหมือนการหาลูกค้า

เว็บไซต์ยังจำเป็นเสมอถ้ารู้จักใช้

ธุรกิจทุกประเภทควรมีเว็บไซต์เพื่อใช้เป็นช่องทางการสื่อสารแบบหนึ่งที่เข้าถึงลูกค้าและมีค่าใช้จ่ายที่ถูกมากเมื่อเทียบกับสื่ออื่นๆ อย่างเช่น วิทยุ ทีวี หนังสือพิมพ์ แต่ในมุมมองของคนรับทำเว็บไซต์ที่คิดว่าเป็นโอกาสหาเงินด้วยการตั้งกำแพงราคาสูงๆ ทำให้พลาดโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจไป

บริษัทรับทำเว็บไซต์รายใหญ่ควรจะมองตลาดเล็กๆ อย่างกลุ่ม SMEs บ้างและเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับองค์กรนั้นๆ มาปรับใช้เพราะบางที Web template อาจไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่งหรือเว็บขายสินค้าขนาดใหญ่ อย่างเช่น we love shopping ก็จะมีระบบหลังบ้านที่ยากในการ Customize หากเจ้าของธุรกิจนั้นไม่มีความรู้หรือความเข้าใจด้านการระบบหลังบ้านที่ดีพอ ดังนั้นธุรกิจขนาดเล็กเหล่านี้จึงมุ่งไปที่การทำตลาดเพื่อขายสินค้าบน Facebook เป็นหลักเพราะง่ายและเร็วกว่า แต่การที่บริษัทหรือธุรกิจขนาดเล็กเหล่านี้ไม่มีเว็บไซต์ของบริษัทเลยก็ถือว่าเป็นการเสียโอกาสไปเช่นกัน

การมีเว็บไซต์ของบริษัทช่วยในเรื่องของภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ดังนั้นผมจึงอยากให้มองในด้านของความจำเป็นมากกว่า อย่าคิดแค่สิ่งที่เราอยากให้เป็นแต่ต้องคิดในสิ่งที่เรามีก่อนว่าธุรกิจของเรามีดีอะไร ซึ่งการกำหนดวัตถุประสงค์เหล่านี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากอะไรที่เป็นแค่เปลือกภายนอกก็ตัดทิ้งไปและเลือกเฉพาะสิ่งที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งการใช้ช่องทางเว็บไซต์ก็ควรมีเนื้อหาที่มีประโยชน์ดึงดูดใจคนที่เข้ามาใช้งานด้วยหรือจะเลือกใช้ต่อยอดการตลาดด้านอื่นๆ เช่น ลงโฆษณาใน Facebook หรือทำการตลาดด้านอื่นๆ ส่วนบริษัทรับทำเว็บไซต์ก็ควรเน้นการให้ความรู้มากกว่าเอาความไม่รู้ของลูกค้ามาเป็นโอกาสในการเรียกเงินซึ่งจะส่งผลในระยะยาวเรื่องความน่าเชื่อถือถึงแม้เซอร์วิสจะดีแต่เน้นกอบโกยซะมากก็อาจจะอยู่ไม่ได้นาน ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ควรจะเดินทางสายกลางในการทำงานร่วมกันจะดีที่สุด....


ที่มา:http://www.ecommerce-magazine.com/issue/179/November_2013_WebDev

ไม่มีความคิดเห็น:

ร่วมเป็นสมาชิก Blogseothai คุณคือตัวจริง !