บทความ ความรู้ เบื้องต้น พื้นฐาน ความรู้ความเข้าใจ และการทำ SEO การทำฺ Blog การสร้างบล็อก คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต keyword
เทคนิคและวิธีโปรโมทเวบให้คนรู้จัก Free
เทคนิคและวิธีโปรโมทเวบให้คนรู้จัก วิธีโปรโมทเวบให้ได้ผล
หลังจากที่เวบไซต์ของคุณมีความพร้อมแล้ว คุณก็สามารถเริ่มการโปรโมทเวบไซต์ของคุณได้ การโปรโมทเวบไซต์ของคุณมีหลายวิธี ลองเลือกวิธีที่เหมาะสมกับเวบไซต์ของคุณที่สุดครับ
1.กลยุทธ์ เพิ่มคนเข้าเวบด้วย "เสิร์ช เอ็นจิ้น" (Search Engine Strategies) คงต้องยอมรับว่าเกือบ 80% ของคนใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลก มักใช้เสิร์ช เอ็นจิ้น ในการค้นหาเวบไซต์ที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นการนำเวบไซต์ของคุณเข้าไปติดอันดับในเสิร์ช เอ็นจิ้น จึงเป็นวิธีที่คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากคุณต้องการจะให้เวบไซต์ของคุณ เป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
ดัง นั้นการปรับเวบไซต์ของคุณให้เสิร์ช เอ็นจิ้น รู้จัก จึงเป็นศาสตร์และเทคนิคที่คุณต้องคำนึง ตั้งแต่คุณวางแผนเริ่มต้นสร้างเวบไซต์ หรือสำหรับบางท่านที่มีเวบไซต์อยู่แล้ว ก็ควรที่จะวางแผนปรับเวบไซต์ของคุณให้เสิร์ช เอ็นจิ้น รู้จักได้โดยเร็ว มีตัวอย่างเวบไซต์เพื่อนผมเวบหนึ่ง หลังจากที่ทำเสร็จแล้ว ไม่ได้ทำการตลาดอะไรเลย นอกเหนือจากการปรับแต่งเวบไซต์ของเค้าให้ เสิร์ช เอ็นจิ้นรู้จัก แต่ภายหลังจากนั้น เวบไซต์แห่งนั้นก็มีรายได้จากการขายสินค้าได้อย่างต่อเนื่องทุกวัน โดยที่เค้าไม่ต้องทำการตลาดอะไรอีกเลย เพราะเสิร์ช เอ็นจิ้น ได้รู้จักเวบไซต์ของเค้าแล้ว และส่งคนเข้ามาที่เวบไซต์ของเค้าอย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย
2.การเพิ่มลิงค์ เพิ่มโอกาสคนรู้จักเวบไซต์คุณ (Linking Strategies) การแลกลิงค์กับเวบไซต์อื่นๆ จะช่วยนอกจากจะทำให้คนอื่นๆ มีโอกาสเข้ามาที่เวบไซต์ของคุณได้จากเวบเหล่านั้นแล้ว คุณยังสามารถเพิ่มจำนวน "เพจแรงค์" (Page Rank) ซึ่งเป็นเครื่องมือตัวหนึ่งที่จะช่วยทำให้อันดับของเวบไซต์ของคุณดีกว่าเวบ อื่นๆ เมื่อเวบไซต์ของคุณถูกค้นหาผ่าน เสิร์ช เอ็นจิ้น
โดยวิธีการที่จะเพิ่มลิงค์ให้กับเวบไซต์ของ คุณ คุณควรไปเพิ่มชื่อเวบไซต์ของคุณที่บริการเวบไดเร็คทอรี่ใหญ่ของโลกเช่น www.DMOZ.com (เวบไซต์ไดเร็คทอรี่ที่ใช้คนจัดการ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก), www.Yahoo.com , www.About.com ถ้าเป็นของไทยก็ Sanook.com ยิ่งถ้าหากเวบไซต์ของคุณสามารถเข้าไปติดอยู่ในเวบไดเร็คทอรี่เหล่านี้ได้ แล้วละก็ โอกาสที่เสิร์ช เอ็นจิ้นต่างๆ จะหาเวบไซต์ของคุณเจอ ก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายมากขึ้น หรือ อีกวิธีหนึ่งง่ายๆ ที่คุณจะสามารถเพิ่มลิงค์ของเวบไซต์ของคุณ คือการขอแลกลิงค์กับเวบไซต์ต่างๆ ที่คุณอาจจะลองติดต่อขอแลกเปลี่ยนกับเวบไซต์เหล่านั้น นี่อาจจะเป็นวิธีง่ายๆ ที่คุณเริ่มต้นได้ทันที
3. การตลาดผ่านอีเมลช่องทางเข้าถึงลูกค้าที่ต้องใช้ให้ถูก (E-Mail Strategies) การตลาดผ่านอีเมล ไม่ใช่แค่การที่คุณไปซื้อรายชื่อคนมาแล้วส่งข้อมูลไปยังคนเหล่านี้โดยที่คุณ ไม่ได้เคยรู้จัก หรือได้รับอนุญาตจากคนเหล่านั้นเลย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการทำ "สแปม" ซึ่งไม่ใช่การตลาดผ่านอีเมลเลย แต่เป็นการสร้างความน่ารำคาญให้แก่ผู้รับมากกว่า ดังนั้นการสร้างระบบการเก็บอีเมลของลูกค้าของคุณเอง หรือกลุ่มลูกค้าที่อาจจะสนใจรับข่าวสารจาก เวบไซต์ของคุณ เป็นช่องทางที่ดีที่สุดในการใช้เป็นแหล่งข้อมูลในการส่งข่าวสารของคุณผ่านอี เมลไปยังกลุ่มคนเหล่านั้น แต่หากในตอนเริ่มต้น ซึ่งคุณยังไม่มีข้อมูลของลูกค้าของคุณเลย คุณอาจจะใช้วิธีไปใช้เช่ารายชื่ออีเมลจากผู้ให้บริการเช่ารายชื่ออีเมล เพื่อส่งไปหาคนเหล่านั้นด้วยความยินยอมจากผู้รับก็ได้ (ลองค้นหาผู้ให้บริการเช่ารายชื่ออีเมลจาก Google.com โดยใช้คีย์เวิร์ดคำว่า "list broker")
4. วิธีเลือกใช้สื่อเก่า แต่ได้ผลแยบยลนัก (Traditional Strategies) การใส่ชื่อเวบไซต์ในสื่อต่างๆ ที่ไม่ใช่สื่อออนไลน์ (offline) อาจจะช่วยทำให้คนจดจำและดึงคนเข้ามาที่เวบไซต์ของคุณได้ เช่น การใส่ชื่อเวบไซต์ลงในนามบัตร, โบรชัวร์, ป้ายหน้าร้าน, สติกเกอร์ร้านค้า, ถุงใส่สินค้า, เสื้อหรือหมวกของพนักงาน, ป้ายสินค้า หรือแม้แต่การใส่ชื่อเวบไว้ที่ตัวสินค้าเลยก็ได้ ทั้งนี้เพื่อให้คนสามารถกลับมาที่เวบไซต์ของคุณได้อีกเมื่อเค้าเห็นชื่อ เวบไซต์ของคุณจากสิ่งเหล่านี้
การเลือกใช้สื่อที่ไม่ใช่สื่อออนไลน์ อาจจะช่วยทำให้คนรับรู้และรู้จักเวบไซต์ของคุณเพิ่มมากขึ้นได้ เช่น ลงในป้ายโฆษณาต่างๆ, ลงในหนังสือ, จดหมาย, โปสการ์ด, วิทยุ หรือแม้แต่ทีวี แต่สื่อจำพวกนี้ มักจะมีค่าใช้จ่ายราคาแพง เว้นแต่คุณได้ใช้สื่อเหล่านี้อยู่แล้ว เพียงแต่เพิ่มชื่อเวบไซต์ลงไปในสื่อเหล่านี้เพิ่มเติม เพื่อให้คนรับสื่อสามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณได้อีกช่องทาง
5.ใช้เงินลงโฆษณา (Paid Advertising Strategies) วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ได้ผลโดยเร็ว และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตรง และรวดเร็ว คือการซื้อสื่อโฆษณาในสื่อที่กลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ เช่น ซื้อตำแหน่งโฆษณารูปแบบตัวหนังสือ หรือแถบโฆษณา (Banner) ในเวบไซต์ หรือการใช้รูปแบบของการทำแนะนำและบอกต่อในการขาย เพื่อที่จะได้ค่าคอมมิชชั่น (Affiliate Program) ซึ่งวิธีนี้จะเป็นวิธีที่คุณจะสามารถได้ผลตอบแทนกลับมาที่แน่นอน และเช่นกันกับผู้ที่แนะนำบริการ ก็จะได้ค่าคอมมิชชั่นจากคุณเช่นกัน
6.อีกหลากหลายวิธีที่น่าลอง (Miscellaneous Strategies) วิธีอื่นๆ ที่น่าลองใช้เช่น การโปรโมทเวบไซต์ของคุณในเวบบอร์ดต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วไป ซึ่งต้องพยายามหาวิธีที่ไปลงโฆษณาตามเวบบอร์ดต่างๆ ในรูปแบบที่น่าสนใจ และเคารพต่อเวบบอร์ดที่เราไปลงด้วย ไม่ใช่ไปลงซะเวบบอร์ดเค้ามีแต่โฆษณาเต็มไปหมด
หรืออาจจะใช้วิธีแจก ของ หรือมีบริการฟรีภายในเวบไซต์ของคุณ เพราะปกติคนชอบของฟรีอยู่แล้ว ดังนั้นเวบไซต์ของคุณจะบอกปากต่อปากไปเรื่อยๆ เช่น แจกฟรีอีเมล, บริการดูดวง, แจกตัวอย่างสินค้าฟรี เป็นต้น
จากวิธีทั้งหมดที่แนะนำมา ผมอยากให้คุณลองเลือกดู และลองนำวิธีต่างๆ นำไปใช้กับเวบไซต์ของคุณดูว่า วิธีไหนที่จะเหมาะกับเวบไซต์หรือธุรกิจของคุณ ซึ่งการโปรโมทเวบไซต์ บางรูปแบบ ก็อาจจะเหมาะสมกับบางธุรกิจ ซึ่งทั้งนี้ยังไม่มีหลักตายตัวที่แน่นอนว่า วิธีไหนจะให้ผลดีที่สุดสำหรับแต่เวบไซต์ อย่างนี้ต้องลองแล้วละครับ....!
เทคนิค75 วิธีโปรโมทโมทเว็บเพื่อเรียกคนดู
เว็บไซต์ของคุณต่อให้ดีสักแค่ไหน คงจะไม่มีประโยชน์ ถ้าขาดการโปรโมทที่ดี เทคนิคต่างๆต่อไปนี้ ลองนำไปใช้ดู นะครับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ครับ
1. ถ้าคุณเพิ่งทำเวบใหม่สดๆเลย ก็เขียนบทความอะไรซักหน่อย แล้วไปส่งที่ Digg, Reddit, และ Now Public
2. สร้าง Yahoo Group เกี่ยวกับเรื่องของ เวบเรา
3. สมัคร MySpace แล้วใช้มันช่วยโปรโมท
4. บุ๊คมาร์คเวบเราที่ Del.icio.us และถ้าคุณมีกึ๋นซักหน่อยนะ ก็ใส่ปุ่ม Del.icio.us ไว้ในเวบของคุณด้วย
5. สมัคร Technorati แล้วก็ "claim" Blog ของคุณซะ (อย่าลืมใส่ปุ่ม ไว้ที่เวบ)
6. submit เวบของคุณที่ directories ที่เป็น seach engine friendly แบบฟรีๆ ก็มีเยอะแยะ เช่น Info Vilesilencer
7. ทำแบบสำรวจ นี่เป็นวิธีที่ดีที่จะโปรโมทแบบ offline (มีใครเคยทำมั้ยง่ะ - -)
8. ไปลงโฆษณาฟรีสำหรับบริษัทของคุณที่ Gumtree
9. ใช้ RSS feeds
10. submit RSS feeds ของเราตาม FeedBurner, Squidoo, Feedboy, Jordomedia, FeedBomb, FeedCat, rssmad, feedirectory, และ Feedboy
11. เขียนบทความที่เกี่ยวกับเวบของคุณ แล้วส่งไปตาม article sites
12. สมัคร StumbleUpon แล้วเรียกเพื่อนๆมาช่วย Stumble
13. สร้างหน้า 404 ของตัวเองไว้ เผื่อว่าคนเข้ามาเจอ error ก็จะ redirect ไปที่อื่นๆที่ดีๆ
14. สร้าง 301 redirect เพื่อจะ redicrect traffic ของคุณจาก non-www มาที่ www
15. ใส่ลิ้งของเวบคุณไว้ใน signature ของเวบบอร์ดที่คุณเป็นสมาชิก
16. บอกเพื่อนๆเกี่ยวกับเวบของคุณ (มันเป็นหารโฆษณาฟรีๆน่ะ)
17. ตรวจคำผิดในเวบของคุณด้วย!
18. เช็คเวบของคุณ browser หลายๆอัน
19. ซื้อโฮสต์ที่ดีพอ ไม่มีใครชอบเวบที่เป็นเต่าคลาน
20. ไม่ต้องกังวลกับ PageRank ไปหาทางโปรโมทดีกว่านะ เดี๋ยว PageRank มันก็ดีตามเอง
21. แจกของฟรี !! คนส่วนมากจะบอกต่อ เมื่อมีของฟรี
22. บอกเพื่อนบ้านของคุณ
23. บอกวิธีที่จะติดต่อคุณให้มากที่สุด msn email yahoo skype เบอร์โทร ที่อยู่
24. ลงโฆษณากับ Craigslist มันฟรี และก็ดีใช้ได้
25. อย่าใช้ Frames
26. Submit เวบที่ DMOZ.org มันอาจจะต้องใช้เวลาซักหน่อย แต่ก็คุ้ม
27. สร้าง Site Map ให้กับเวบของคุณ แล้วส่งให้ Google
28. ทำเสื้อขึ้นสกรีน URL เวบคุณลงไป แล้วก้ใส่มันบ่อยๆด้วย (อืม..คิดได้เนอะ - -")
29. เอาไปให้สาวสวยหุ่นเร้าใจใส่ด้วยซักตัว *-*
30. สมัคร Affiliate program เพื่อขายสินค้าของคุณ หรือว่าถ้าคุณเป็น Publisher ก็โกยเงินกัน!!
31. ในหน้า contact ถามด้วยว่า คุณสนใจจะรับ Newsletter มั้ย
32. ส่ง Newsletter !!
33. เข้าร่วมสัมมนาคนทำเวบ คุณอาจจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆก็ได้
34. หา Blog ดีๆ ดังๆ แล้วก็ไปตอบคอมเม้นไว้ (ใส่ลิ้งเวบคุณด้วยล่ะ)
35. อย่าจ้างคนให้ submit search engines ให้ เสียตังค์เปล่าๆ เพราะอันที่ดังๆมีแค่ Google 50% Yahoo 25% และ MSN 10%
36. ส่งคลิบเข้าพร้อมกับชื่อเวบคุณในคลิบ ที่ YouTube กับ Google Video
37. แจกฟรี e-book แล้วเวบคุณจะเป็นที่ฮือฮา
38. แจก Wordpress Theme, Blogger Theme, หรือ phpLD themes
39. ถ้าคุณขายของที่มีโฆษณาในทีวี เขียนในเวบคุณด้วยว่า "แบบที่เห็นในทีวี"
40. หลีกเลี่ยงเทคโนโลยีที่ไฮโซเกิน เช่น Java หรือ Active x
41. แจกของให้โหลดได้ ระวังลิขสิทธิ์ด้วย
42. เรียนรู้ CSS
43. ตอบคอมเม้น ยิ่งถ้าเป็น Blog ตอบบ่อยๆ
44. ขอให้เวบอื่น หรือ Blogger คนอื่นๆ ช่วย review เวบคุณ หรือว่า สินค้าก็ได้ (แลกกัน review ก็ดี)
45. ใช้ชื่อ page ที่มีความหมาย ไม่ใช่ www.yourdomain.com/pgInfoPages.cfm?cx=50799399822B393BBF95289295A3A10A4F
46. ถ้าคุณจำเป็นจะต้องมี Flash ที่หน้าแรก อย่าลืมใส่ปุ่ม skip ด้วย
47. บอกหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หรือ วารสารประจำโรงเรียนเกี่ยวกับเวบของคุณ บางทีถ้าเค้าไม่มีเรื่องจะเขียน หน้าของคุณอาจจะไปโผล่ในนั้นก็ได้
48. จงดังในหมู่คนที่เขียนเรื่องเดียวกัน
49. บริจาคเพื่อการกุศล แล้วส่วนมากเค้าจะใส่ลิ้งแบคให้คุณ
50. ปฏิบัติตามกฏของ W3C standards มันจะช่วยให้คุณอยู่รอดได้ในระยะยาว
51. ทีมกีฬาในโรงเรียน หรือในชุมชน ให้โอกาสคุณเป็น sponsors ในราคาถูกและดี
52. โปรโมทเวบตามบอร์ดต่างๆ แต่อย่าสแปม
53. ขอให้ Blogger เขียนเกี่ยวกับเวบของคุณ โดยแลกกับลิ้งแบค
54. จัดการประกวดแข่งขันขึ้นมาในเวบ
55. ใส่ปุ่ม "ส่งต่อให้เพื่อน"
56. มี site map ในเวบของคุณ เพื่อช่วยผู้เข้าชม และsearch engine
57. ตั้งชื่อที่มีคีย์เวิร์ดตรงๆ ทั้งผู้อ่านและ search engine ชอบ
58. ใส่ปุ่ม FeedBurner ในเวบด้วย คนอ่านจะได้สมัครได้ง่ายๆ
59. Adwords เป็นทางเลือกที่ดี ถ้าคุณใช้มันเป็น
60. ใส่ About Me ใน Blog ผู้อ่านจะรู้สึกว่ามี'คน'ที่กำลังสื่อสารกับเค้า
61. สร้างหน้าเวบ แบนเนอ และโลโก้ไว้บนเวบ เพื่อว่าใครจะเอาไปตีพิมพ์ หรือเอาไปแปะในเวบ
62. ใส่ลิ้งมาที่เวบคุณจาก ebay profile
63. ขอให้เพื่อนของคุณช่วยวิจารณ์เวบแบบตรงๆ
64. E-books ที่มี reseller rights เป็นของแจกที่ดีอย่างนึงสำหรับเวบคุณ
65. submit รูปที่ Flikr
66. แชร์ banner ที่ เวบแลกเปลี่ยน banner
67. ตอบอีเมลล์ของลูกค้าให้เร็ว ไม่มีใครชอบรอ 3-4 วันกว่าจะได้รับคำตอบ
68. Keep It Simple Stupid (KISS) ใช้ CSS ในการวาง layout และ html text อย่าลวดลายมาก
69. อย่าใส่รูปเยอะมากจนเกินไป จะทำให้โหลดช้า
70. ถ้าคุณคิดว่าจะ submit เยอะมากๆ สร้างเมลล์อันใหม่มาเพื่อการนี้ แล้วทิ้งมันไปซะเพื่อลดการ สแปม71. ใส่ Favicon ให้เวบคุณ จะได้โดดเด่นเวลา Bookmark
72. เข้า Yahoo answer แล้วตอบคำถาม พร้อมกับใส่เวบของคุณเปน source
73. อย่าซื้อ traffic มันจะมาแค่วูบเดียว แล้วจากไป
74. ทำความรู้จักกับคนที่อยู่ในวงการเดียวกัน เข้า community เป็นต้น
75. เขียนบทความที่จะมีคนอยากลิ้งถึงมากๆ เช่น บทความนี้ไง
อีกวิธีที่รวบรวมมา และอยากเอามาแนะนำกัน
1. Add ทุก Search Engine ทั้งไทย-เทศ
2. ใช้บริการ Webring คือการลิ้งกันเป็นวงแหวนสำหรับเวบที่มีเนื้อหาคล้ายกันที่ www.webring.org
3. หมั่นบันทึก ตามเวบบอร์ดต่างๆ เช่น แสนสุข , สนุก , หรรษา , พันธ์ทิพย์ จะทำให้คนเห็นมากขึ้น
4. แลกลิ้งกับเวบไซด์อื่นๆ ที่มีเนื้อหาคล้ายๆ กัน หรือใช้บริการ link exchange เช่น www.linkexchange.com
5. ลงโฆษณาตามเวบไซด์ดังๆ
6. แนะนำเวบคุณกับไทยรัฐ เดลิเวบ
7. ประชาสัมพันธ์ผ่านหน้า AddUrl ตามเวบไซด์ต่างๆ ที่พบ
8. สมัครจัดอันดับเวบไซด์กับเวบไซด์ดัง ๆ ของไทย
9. ประชาสัมพันธ์ผ่าน News Group หรือติดประกาศตามป้ายรถเมล์
10.แจกสติ๊กเกอร์ หรือเสื้อที่มี url ของคุณกับผู้ใช้ หรือแนะนำเวบคุณกับวารสาร
11. สมัครและโพสประกาศตามเว็บ social network เช่น twitter facebook hi5 msn เป็นต้น พวกนี้ เว็บจะได้รู้จักไว้และมีคนช่วยอีกหลายแรง
ที่มา : กรุงเทพบิธวีค และ Google และพันทิป
การทำ SEO เริ่มต้นทำ SEO
enjoyday นั้นตั้งใจอยู่แล้วที่จะเขียนแนะนำเรื่องการทำ SEO เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญในการทำเว็บไซต์ แต่ว่ามันต้องใช้เวลาพอสมควรในการเรียบเรียง และเขียนออกมา คงต้องรอกันหน่อยนะคะ
สำหรับผู้อ่านที่สนใจ ไม่อยากรอ อยากรู้ว่าการทำ SEO เบื้องต้นนั้นทำได้อย่างไรบ้าง สามารถอ่านจาก “คู่มือการทำ SEO สำหรับผู้เริ่มต้นฉบับภาษาไทยจาก Google”
ดาวน์โหลดได้ที่นี่ค่ะ
http://www.google.co.th/intl/th/webmasters/docs/search-engine-optimization-starter-guide-th.pdf
ดาวน์โหลดได้ที่นี่ค่ะ
http://www.google.co.th/intl/th/webmasters/docs/search-engine-optimization-starter-guide-th.pdf
.
คำแนะนำจาก Google ในการเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาให้กับเว็บไซต์ enjoyday สรุปมาบางส่วนให้อ่านกันง่ายๆ ค่ะ
คำแนะนำจาก Google ในการเพิ่มประสิทธิภาพการค้นหาให้กับเว็บไซต์ enjoyday สรุปมาบางส่วนให้อ่านกันง่ายๆ ค่ะ
1. ตั้งชื่อ Title ของหน้าเว็บว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร และไม่ซ้ำกันในแต่ละหน้า
การตั้งชื่อให้แต่ละหน้าเว็บนั้นทำโดยการใส่ข้อความใน tag <title> ที่อยู่ใน tag <head> เช่น
<html>
<head>
<title>Brand’s Baseball Cards – BuyCards, Baseball News, Card Prices</title>
…
</head>
<head>
<title>Brand’s Baseball Cards – BuyCards, Baseball News, Card Prices</title>
…
</head>
ซึ่ง Google จะใช้ชื่อที่เราตั้งแสดงในผลการค้นหาด้วย
เราอาจจะต้องใช้วาทะศิลป์สักนิด ในกรณีที่เว็บของเรามีอันดับต่ำกว่า เช่น อยู่หน้าแรกเหมือนกันแต่อยู่ลำดับที่ 5 ถ้าเราเขียนชื่อเว็บได้ชวนให้คลิกเข้ามาชม ผู้ชมก็จะเลือกคลิกมาที่เว็บเราด้วย คำที่มีผลก็เช่น สอนตั้งแต่พื้นฐาน, แบบละเอียด, แบบ stept by step, ฟรี เป็นต้น
ข้อแนะนำจาก Google
- ตั้งชื่อให้สื่อถึงเนื้อหาของหน้าเว็บ ไม่ควรปล่อยเป็นค่าเริ่มต้นที่ได้มาตอนเขียนเว็บเพจ เช่น Untitled, New Page1
- ตั้งชื่อให้แตกต่างกันในแต่ละหน้า หลีกเลี่ยงการใช้ชื่อเดียวกันในทุกหน้า
- ตั้งชื่อที่สั้น แต่ได้ใจความ เพราะถ้ายาวเกินไป Google จะแสดงได้เพียงบางส่วน
.
2.ใช้ Meta tag description ข้อความอธิบายเกี่ยวกับเว็บไซต์
Meta tag description ใช้สำหรับใส่ข้อความบรรยายเว็บไซต์ด้วยประโยคสรุป อยู่ในส่วนของ tag <head>
<html>
<head>
<title>Brand’s Baseball Cards – BuyCards, Baseball News, Card Prices</title>
<meta name=”description” content=”Brandon’s Baseball Cards provides a large selection of vintage and modern era baseball cards for sale. We also offer daily baseball news and events in …”>
…
</head>
<head>
<title>Brand’s Baseball Cards – BuyCards, Baseball News, Card Prices</title>
<meta name=”description” content=”Brandon’s Baseball Cards provides a large selection of vintage and modern era baseball cards for sale. We also offer daily baseball news and events in …”>
…
</head>
โดยคำอธิบายที่เราใส่ให้หน้าเว็บจะถูกนำมาแสดงในผลการค้นหาด้วยใต้ชื่อเว็บ หรือ title แต่ไม่แน่เสมอไป เพราะบางครั้ง Google ก็เลือกดึงข้อความจากในหน้าเว็บนั้นมาแสดงเอง โดยดูจากคำค้นหา แต่อย่างไรเราก็ควรใส่ไว้ และไม่ต้องใส่ให้ยาวเกินไปเพราะมันแสดงไม่พอค่ะ
ข้อแนะนำจาก Google
- เขียนคำอธิบายเว็บให้ละเอียดแต่ให้กระชับ และดึงดูดความสนใจ
- ไม่เขียนคำอธิบายที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้านนั้น
- ระบุคำหลักที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเราลงไปด้วย
- เขียนคำอธิบายที่ไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละหน้าเว็บ
.
3. การปรับปรุงโครงสร้าง URL ของเว็บ
URL ก็คือลิงค์ข้อความที่บอกตำแหน่งของข้อมูลใน Internet ไม่ว่าจะเป็น Web page, File ประเภทต่างๆ เช่น รูปภาพ เสียง
ข้อแนะนำจาก Google
- ใช้คำที่ได้ใจความใน URL ที่ประกอบด้วยคำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
ไม่ควรเป็นค่าพารามิเตอร์และรหัส session ที่ไม่จำเป็น เช่น http://www.enjoyday.net/list.php?catid=34&no=37
ไม่ใช้คำที่ไม่สื่อความหมาย เช่น page1.html - สร้างโครงสร้าง directory ที่เรียบง่าย การใช้ directory ที่จัดเนื้อหาอย่างเป็นระเบียบจะช่วยให้ผู้ชมรู้ตำแหน่งของตนที่อยู่บนเว็บไซต์ได้ เช่น
http://www.enjoyday.net/webtutorial/html/index.html (บทเรียนออนไลน์สอน HTML)
http://www.enjoyday.net/webtutorial/css/index.html (บทเรียนออนไลน์สอน CSS)
http://www.enjoyday.net/webtutorial/xhtml/index.html (บทเรียนออนไลน์สอน XHTML) - หลีกเลี่ยงการใช้ directory ที่เป็น sub ซอยย่อยจนเกินไป เช่น “…/dir1/dir2/dir3/dir4/dir5/dir6/page.html”
- หลีกเลี่ยงการใช้ชื่อ directory ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา
.
4. ทำระบบนำทางในเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย
ระบบนำทางที่ดีจะช่วยให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว รู้ว่ากำลังอยู่ตรงไหนของเว็บไซต์ และยังทำให้ Google รู้ว่า Webmaster ให้ความสำคัญกับเนื้อหาใด
องค์ประกอบของระบบนำทาง ได้แก่ เมนู, กล่องค้นหา, หน้า sitemap เป็นต้น
องค์ประกอบของระบบนำทาง ได้แก่ เมนู, กล่องค้นหา, หน้า sitemap เป็นต้น
ข้อแนะนำจาก Google
- สร้างลำดับขั้นที่ต่อเนื่องกันอย่างเหมาะสม ไม่แบ่งย่อยจนเกินไป เช่นต้องคลิกถึง 20 ครั้งกว่าเข้าถึงหน้าเนื้อหาย่อยได้
- ใช้ข้อความสำหรับนำทาง เช่น ใช้ลิงค์ข้อความ หลีกเลี่ยงการใช้งานแบบเมนูเลื่อนลง รูปภาพ flash
- ใช้การนำทางแบบแสดงเส้นทาง และทำเป็นลิงค์ให้คลิกกลับไปอีกหน้าได้ เช่น Brandon’s Baseball Cards > Articles > Top Ten Rarest Baseball Cards
- ทำหน้า sitemap แบบ HTML ที่มีลิงค์ของหน้าทั้งหมดในเว็บ และจัดระเบียบหัวข้อด้วย หรือถ้ามีจำนวนหน้ามาก ก็ให้แสดงเฉพาะหน้าเว็บหลัก และไม่ควรปล่อยให้มีลิงค์เสียในหน้า sitemap
- สร้างไฟล์ sitemap แบบ XML สำหรับให้ Bot ของ Search Engine เข้ามาเก็บข้อมูลเว็บไซต์ได้ง่ายๆ ไม่ต้องไต่ลิงค์ตามหน้าเว็บเพจต่างๆ เอง
- ใช้หน้า 404 ให้เกิดประโยชน์ ในกรณีที่ผู้ใช้อาจเข้าถึงหน้าที่เว็บที่ถูกลบไปแล้ว หรือพิมพ์ URL ผิด การสร้างหน้าเว็บ 404 ที่กำหนดเอง โดยนำทางกลับไปยังหน้าแรก จะดีกว่าปล่อยให้แสดงข้อความ Not Found
Meta Tag ของ Blogger ให้มีประสิทธิผลสูงสุด
บทความนี้ พยายามที่จะทำให้ง่าย ทั้งการนำไปใช้ปฏิบัติจริง
และการทำความเข้าใจกับแท็ก header ของ bloggerสำหรับ
การทำ Search engine optimization (SEO) ในส่วนของ Onpage Optimize
และการทำความเข้าใจกับแท็ก header ของ bloggerสำหรับ
การทำ Search engine optimization (SEO) ในส่วนของ Onpage Optimize
ทบทวนกันก่อน สำหรับ Meta Tag หลักๆสำหรับการทำ SEO
รูปจากคู่มือแนะนำการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหาของ google จะสังเกตได้ว่า Meta Tag ที่ header มีเพียง Title Tag และ Meta Description เท่านั้น ถึงแม้จะขาด Meta Keyword เนื่องจาก google ไม่ได้ให้ความสำคัญ แต่ถึงอย่างไร ก็ยังมี Search Engine ตัวอื่นที่ยังใช้อยู่ เพราะฉะนั้นก็ใส่ๆไปเถอะ และเพิ่ม Tag canonical (แท็กที่บอก bot ว่า URL นี้ที่เราให้ความสำคัญ)
สรุป ก็คือเราต้องการจะให้ มี 4 แท็ก ดังนี้
- Title Tag
<title></title>
- Meta Description
<meta content="description" name="description" />
- Meta Keyword
<meta content="keywords" name="keywords" />
- Canonical
<link href="URL" rel="canonical" />
ตามค่าพื้นฐาน Templates ของ Blogger นั้น จะมี Meta Tag เพียง Title Tag เท่านั้น และก็เป็น title ที่ซ้ำๆ กันทุกหน้า ทีนี้เราจะมาปรับตรงส่วนของ Title Tag ไม่ให้ซ้ำกันมาก และเพิ่มแท็ก Description , Keyword และ Canonical ให้ส่วนของเมต้าของแต่ละหน้ามีความแตกต่างกัน
วิธีการ
- ล็อกเข้าไปที่หน้า Layout (1.) –> Edit HTML(2.)
- มองหาแท็ก
<title><data:blog.pageTitle/></title>
- แล้วก๊อปปี้โค้ดด้านล่างนี้ไปใส่แทน
<b:if cond='data:blog.pageType == "index"'> <title><data:blog.pageTitle/></title> <meta expr:content='data:blog.pageTitle' name='description'/> <meta expr:content='data:blog.pageTitle' name='keywords'/> <link expr:href='data:blog.url' rel='canonical'/> </b:if> <b:if cond='data:blog.pageType == "item"'> <title><data:blog.pageName/></title> <meta expr:content='data:blog.pageName' name='description'/> <meta expr:content='data:blog.pageName' name='keywords'/> <link expr:href='data:blog.url' rel='canonical'/> </b:if> <b:if cond='data:blog.pageType == "archive"'> <title><data:blog.pageName/></title> <meta expr:content='data:blog.pageName' name='description'/> <meta expr:content='data:blog.pageName' name='keywords'/> <link expr:href='data:blog.url' rel='canonical'/> </b:if>
ความหมายของแต่ละวรรค
ตามวิธีการนี้จะเป็นการเรียก title ของแต่หน้า ขึ้นมาแสดงในส่วนของ meta ทั้งหมด คือเป็นทั้ง title , description และ keywords ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีการที่ง่ายดี ท่านใดมีวิธีที่ดีกว่าก็ชี้แนะได้ครับ.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)