แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ของ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ของ แสดงบทความทั้งหมด

ซื้อของใน Ebay กับ Amazon ต่างกันอย่างไร ซื้อของใน Ebay กับ Amazon ต่างกันอย่างไร


 หลายคนอาจเคยได้ยินแต่คนอื่นพูดกัน 

และอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไร




Ebay.com คือเว็บไซต์ประมูลสินค้าออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัจจุบันมีขายแบบไม่ต้องประมูลด้วย มีคนมากว่า 180 ล้านคนทั่วโลกเข้ามาประมูลซื้อขายสิ้นค้ากันภายในเว็บแห่งนี้ มีสินค้าไทยมากกว่าล้านชิ้นที่ขายอยู่บนเว็บไซต์ การให้บริการของ Ebay จะมีในรูปแบบการประมูลออนไลน์และการขายสินค้าแบบปกติ ด้านผู้ขายสินค้าและซื้อสินค้าจะต้องเป็นสมาชิกกับ Ebay เท่านั้นค่ะ สินค้าที่จะขายภายในเว็บนั้นจะต้องไม่เป็นสินค้าต้องห้าม อาทิเช่น สินค้าปลอม สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ สินค้าประเภทอาวุธหรือยาเสพติด เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว Ebay ยังมีระบบจัดผู้ค้าดีเด่น โดยการให้ดาวและให้เหรียญเกียรติยศกับร้านค้าผ่านการโหวตของผู้ซื้อค่ะ ทำให้ร้านค้าใน Ebay มีความน่าเชื่อถือมากขึ้น ส่วนการที่จะได้ดาวมาประดับหน้าร้านได้นั้น จะวัดจากปัจจัยต่างๆ เช่น สินค้าลงรายละเอียดตรงตามที่ให้เอาไว้ไหม , เวลาส่งสินค้าไปแล้วตรงตามที่ให้ไว้บนรูปที่โชว์บนเว็บหรือไม่ , การติดต่อสื่อสารที่ดีกับลูกค้าก็เป็นส่วนสำคัญ มีการตอบคำถาม ข้อสงสัย กับลูกค้าเราได้รวดเร็วถูกต้อง ก็เพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับร้านค้าได้มากขึ้น หรือการส่งสินค้าที่รวดเร็วตามกำหนดและค่าส่งสินค้าที่ไม่คิดแพงจนเกินไป บางร้านอาจจะมีบริการส่งฟรี ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยเพิ่มลูกค้าให้เราได้

Meta Tag ของ Blogger ให้มีประสิทธิผลสูงสุด


บทความนี้ พยายามที่จะทำให้ง่าย ทั้งการนำไปใช้ปฏิบัติจริง 
และการทำความเข้าใจกับแท็ก header ของ bloggerสำหรับ
การทำ Search engine optimization (SEO) ในส่วนของ Onpage Optimize
ทบทวนกันก่อน สำหรับ Meta Tag หลักๆสำหรับการทำ SEO


รูปจากคู่มือแนะนำการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหาของ google จะสังเกตได้ว่า Meta Tag ที่ header มีเพียง Title Tag และ Meta Description เท่านั้น ถึงแม้จะขาด Meta Keyword เนื่องจาก google ไม่ได้ให้ความสำคัญ แต่ถึงอย่างไร ก็ยังมี Search Engine ตัวอื่นที่ยังใช้อยู่ เพราะฉะนั้นก็ใส่ๆไปเถอะ และเพิ่ม Tag canonical (แท็กที่บอก bot ว่า URL นี้ที่เราให้ความสำคัญ)
สรุป ก็คือเราต้องการจะให้ มี 4 แท็ก ดังนี้
  1. Title Tag
    <title></title>
  2. Meta Description
    <meta content="description" name="description" />
  3. Meta Keyword
    <meta content="keywords" name="keywords" />
  4. Canonical
    <link href="URL" rel="canonical" />
ตามค่าพื้นฐาน Templates ของ Blogger นั้น จะมี Meta Tag เพียง Title Tag เท่านั้น และก็เป็น title ที่ซ้ำๆ กันทุกหน้า ทีนี้เราจะมาปรับตรงส่วนของ Title Tag ไม่ให้ซ้ำกันมาก และเพิ่มแท็ก Description , Keyword และ Canonical ให้ส่วนของเมต้าของแต่ละหน้ามีความแตกต่างกัน
วิธีการ
  1. ล็อกเข้าไปที่หน้า Layout (1.) –> Edit HTML(2.)
  2. มองหาแท็ก
    <title><data:blog.pageTitle/></title>
  3. แล้วก๊อปปี้โค้ดด้านล่างนี้ไปใส่แทน 
     
    <b:if cond='data:blog.pageType == &quot;index&quot;'>
    <title><data:blog.pageTitle/></title> 
    <meta expr:content='data:blog.pageTitle' name='description'/>
    <meta expr:content='data:blog.pageTitle' name='keywords'/>
    <link expr:href='data:blog.url' rel='canonical'/>
    </b:if>
     
    <b:if cond='data:blog.pageType == &quot;item&quot;'>
    <title><data:blog.pageName/></title>
    <meta expr:content='data:blog.pageName' name='description'/>
    <meta expr:content='data:blog.pageName' name='keywords'/>
    <link expr:href='data:blog.url' rel='canonical'/>
    </b:if>
     
    <b:if cond='data:blog.pageType == &quot;archive&quot;'>
    <title><data:blog.pageName/></title>
    <meta expr:content='data:blog.pageName' name='description'/>
    <meta expr:content='data:blog.pageName' name='keywords'/>
    <link expr:href='data:blog.url' rel='canonical'/>
    </b:if>
ความหมายของแต่ละวรรค





  • - วรรคแรก ถ้าเป็นหน้า index จะแสดงในส่วนของหน้าแรก (หน้า hame page)







  • - วรรคสอง ถ้าเป็นหน้า item จะแสดงในส่วนของหน้าเดี่ยว หรือหน้าของโพสต์







  • - วรรคสาม ถ้าเป็นหน้า archive จะแสดงในส่วนของหน้ารวมบทความ หรือหน้าคลังบทความ







  • - ในส่วนของแท็กหน้าที่เป็น URL หน้า Label นั้น จะอิงตามหน้า index คือจะเหมือนหน้า index แต่งจะเพิ่มตัว Label เข้ามาด้วย



  • ตามวิธีการนี้จะเป็นการเรียก title ของแต่หน้า ขึ้นมาแสดงในส่วนของ meta ทั้งหมด คือเป็นทั้ง title , description และ keywords ซึ่งผมคิดว่าเป็นวิธีการที่ง่ายดี ท่านใดมีวิธีที่ดีกว่าก็ชี้แนะได้ครับ.

    การแบ่ง Header ของ Blogger ออกเป็นสองส่วน


    การแบ่ง Header ของ Blogger ออกเป็นสองส่วน




     

    ใน Template มาตรฐานของ Blogger ที่มีให้เลือก (ไม่รวมที่ Download จากเว็บไซต์อื่นๆ) จะมีเพียง 1 Section หรือ 1 แถบยาวเท่านั้น แต่ถ้าต้องการแบ่ง Header ออกเป็น 2 Section ก็ต้องทำการใส่โค้ด Html และ Css เพิ่มเติมครับ


    SEO เพื่อขายของใน Amazon




    • จับปลาเล็กเพื่อล่อปลาใหญ่


    อย่าเน้นขายแต่ของใหญ่อย่างเดียว ต้องขายของเล็กๆน้อยๆ เพื่อเอาจำนวนไปเพิ่ม Referral rate อย่างเช่นพวก MP3 Download, หนังสือ, สายไฟ พวกนี้ราคาถูก ขายง่าย พอเราเพิ่มค่า Referral rate ขึ้นไปสุดๆได้แล้ว พวกหมวดอื่นๆเน้นของใหญ่ เช่น Home & Garden พวกนี้ก็จะเป็นปลาใหญ่ ที่ขายยาก แต่ขายได้แล้วรับค่า Commission ไปเต็มๆ

    • Electronics


    สินค้าพวกนี้ขายดีอยู่แล้ว เริ่มคิดอะไรที่มันใกล้ตัวก่อน มองทุกอย่างแบบบูรณาการ เช่น Notebook แล้วไงต่อ สายไฟ, Adapter, Hard Disk, Cover, Sleeve, Software, Games, Repair, Parts

    • สินค้าตามฤดูกาล


    หน้าร้อน, หน้าหนาว, กิจกรรมส่วนใหญ่จะทำอะไรกัน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์ที่ใช้เฉพาะฤดูนั้นๆ เช่น ฤดูพายุเข้า ควรจะขายอะไรดี?

    • สินค้าตามเทศกาล


    วันสำคัญต่างๆของ US, เปิดเทอม, วันพ่อ, วันวาเลนไทน์, คริสมาสต์, Black Friday
    สินค้าตามฤดูกาลและเทศกาลต้องวางแผนทำก่อนที่วันพวกนี้จะมาถึง เพราะผม Set ให้โพสท์สินค้าวันละ 1 ชิ้น พอถึงเวลามันก็จะพอดีกัน

    Sky Drive พื้นที่จัดเก็บข้อมูลฟรีของ Hotmail บน Internet


                                Sky Drive
    พื้นที่จัดเก็บข้อมูลฟรีของ Hotmail บน Internet 
    Sky Drive ได้เปิดให้ใช้มาพักใหญ่ๆแล้วแต่ผมไม่มีเวลาเขียนเสียทีวันนี้ว่างจึงลองเขียนดู 

    ถามว่าแตกต่างจากตัว GDrive ของ GMail ไหม? 
    ต่างกันในแง่ของรายละเอียดที่ง่ายต่อผู้ใช้ 
    ของ GMail ผมใช้แล้วขัดอกขัดใจอยู่บ้างเลยงดใช้เสียหันมาใช้ตัวนี้แทน 

    Sky Drive ดีกว่า GDrive ตรงไหน? 
    1.ง่ายต่อการใช้หน้าต่างสำหรับผู้ใช้อยู่ในขั้นที่ใช้งานง่าย 
    2.ไฟล์ที่เก็บไว้ใน Sky Drive ไม่ผูกผันกับ Mail Account 
    (ตรงจุดนี้ล่ะครับที่ต่างกับ GMail เพราะไฟล์ของ GDrive จะผูกติดกับ GMail ด้วย ถ้าลบใน GMail ใน GDrive ก็จะหายไปเช่นกัน) 
    3.ID ใช้อันเดียวกับ ID ของ Hotmail หรือ Windows Live ที่เรามีอยู่ 
    4.ถ้าลอง Plugin ของ Sky Drive ด้วยก็จะยิ่งใช้ง่ายมากขึ้น 
    5.ไม่ต้องลงโปรแกรมเสริมเหมือน GDrive แปลว่าสามารถใช้ได้ทุกที่ ที่ลอคอิน ID Windows Live ได้ครับ 

    ร่วมเป็นสมาชิก Blogseothai คุณคือตัวจริง !