แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ blog แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ blog แสดงบทความทั้งหมด

seo blog


วันนี้ผมอยากมาพูดถึง การทำ seo ให้กับ blog เรา เพื่อที่จะได้มีคนเข้ามา blog เราเยอะๆ ผมจะมาบอกถึง วิธีง่าย 7 วิธี
มาเริ่มกันเลยดีกว่า
1) submit directory ทำlink มาหาเว็บเราอย่างน้อย 1 link
2)ทำให้ link ภายในเว็บเชื่อมหากันได้ (ในสายตาของ SE) วิธีที่ชัวร์ที่สุด คือ link ด้วย text ธรรมดา ( Image Link, Flash Link, Image Map, Javascript SE ไม่ค่อยชอบถึงขั้นเกลียด เรียงจากน้อยไปมาก
4) ถ้าเชื่อมกันไม่ได้ เพราะติดที่ design ให้ทำหน้าsitemap ขึ้นมาแล้ว link ด้วย text link ธรรมดาก็พอครับ
5) ใส่ Tag Title แต่ละหัวหลักของหน้านั้นๆ ถ้าหน้านั้นกล่าวถึงเรื่องอะไร ก็ใส่หัวข้อนั้นลง Title
6) ต่อเนื่องจาก Tag Title ก็คือ ใส่ Meta Tag Description ด้วยคำอธิบายหัวข้อหลักในหน้านั้นถ้าจะให้ดีให้นำมาจากข้อความที่อยู่แล้วในหน้านั้นครับ ส่วน Meta Tag Keyword ไม่จำเป็นเท่าไหร่ครับ
ถ้าเป็น Programming ให้ระวังเรื่อง อักขระพิเศษ หรือการปัดบรรทัดด้วย แก้ง่ายๆ โดยใส่ function (PHP) trim(), strip_tags, htmlspecialchars หรือ preg_replace เป็นต้น
ต่อไปเป็นการทบทวนวิทยายุทธอยู่เสมอนั่นคือการ

7) ทำเนื้อหา, เพิ่มหน้าให้เว็บคุณเรื่อยๆ ยิ่งเยอะยิ่งดีพยายามเพิ่มเนื้อหาบ่อยๆ พอเพิ่มทีก็กลับไปทำข้อ3 ถึงข้อ 6 ที

หลักๆก็มีแค่นี้แหละครับ (เรียกง่ายๆ ว่านี่คือการThai SEO เบื้องต้น) ส่วนเรื่องการ Submit SE ถ้าทำให้ครบ 7 ข้อนี้ก็ไม่จำเป็นแล้วครับ แรกๆ Search Engine จะเริ่มเมียงๆเว็บคุณจากนั้นก็จะมาถี่ขึ้นๆ ตอนหลัง เว็บคุณมีร่างกายแข็งแกร่ง บึกบึนมีวิทยายุทธสูงส่งแล้วละก็ สาวๆ Search Engine ทั้งหลายจะมารุมตอมเว็บคุณจนหัวกระได (เว็บ) ไม่แห้ง สุดท้าย, ไม่นาน Search Engine จะหลงรักเว็บคุณเองทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์รักแท้ด้วยนะครับ ถ้าคุณทำบ่อยๆสม่ำเสมอ ความรักของSearch Engine กับเว็บคุณก็จะยั่งยืนตราบเท่าที่คุณยังทำตามวิธี 7 ข้อนี้ครับ
ท่านที่ได้อ่านแล้วคงจะนำไปปรับแต่ง Blog ตัวเองให้ ติดอันดับ Search Engine นะครับ
ถ้ามีคำแนะนำดีๆคอมเมนต์ด้วยนะครับ
Thank....

SEO ให้ Blogspot เพื่ออันดับบล็อกการตลาดที่ดี Blog Marketing


Search engine ทุกแห่งต่างพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ การพัฒนานั้นย่อมเกิดกระบวนการใหม่ขึ้นมา ส่วนตัวนั้นผมจะให้ความสำคัญกับการทำ Onpage มากๆ บทความนี้จึงเป็นการนำความรู้เกี่ยวกับ Onpage ที่เกิดจากการติดตามผล สังเกตุ และวิเคราะห์ ความสำคัญของ Onpage ของ Google Bot สรุปออกมา เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยน ความรู้และประสบการ์ณที่เหล่า SEO ได้เจอมาครับ
จากการสังเกตุนั้นพบว่า Google ได้มีการให้คะแนนในฝั่ง Onpage เช่นเดียวกับการให้คะแนนในฝั่งของ Offpage (ที่เรียกว่า PageRank) ส่วนตัวผมได้เรียกคะแนนนั้นว่า ค่า “Priority”
Priority คือ ค่าการประเมินผลของการปรับแต่ง Onpage ไม่ทราบแน่ชัดว่ามีกี่ระดับ แต่จากการทดสอบนั้นพบว่ามันแบ่งออกเป็นสามระดับ ค่านี้ไม่แปรผันกับ PR (PageRank) อาจแบ่งได้ดังนี้
  1. Basic Priority คือการปรับ Onpage เพื่อรองรับการทำ SEO ทั่วไป โดย  Basic Priority นั้นจะเป็นค่าในระดับเริ่มต้น ซึ่งเกิดจากการปรับ  URL Title หรือ Meta (อธิบายเพิ่มเติม) ส่งผลให้ Bot สามารถเข้าใจว่า Content นั้นคือ Content อะไร ซึ่ง Bot ก็จะนำไปวิเคราะห์ Offpage เพื่อทำการจัดอันดับต่อไป
  2. Medium  Priority คือการปรับ Onpage เพื่อเพิ่มประสิทธิ์ภาพการทำ SEO หลักการของการปรับ Onapge ใน Medium  Priority นั้นก็เพื่อทำให้ Bot ทำงานได้ง่ายขึ้น ซึ่งการเพิ่มประสิทธิ์ภาพนั้นจะมีหลายวิธีการดังตัวอย่างต่อไปนี้
    • มี Sitemap เพื่อง่ายต่อการเข้าถึงหน้าต่างๆ ในเว็บไซต์ (ในกรณีที่เว็บไซต์มีขนาดใหญ่) ทำให้ Bot ทำงานได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้นในการ Crawl แต่ละครั้ง อีกทั้งยังทำให้ Content ใหม่ในเว็บไซต์ที่ Post ไป Index อย่างรวดเร็ว
    • มี Breadcrumbs เพื่อเป็นการบอกตำแหน่งของ Content นั้นๆ ทำให้ Bot เข้าถึงตำแหน่งต่างๆ ของ Content ได้ถูกต้องตาม Site Structure ที่วางไว้
    • มีการทำ Web Site Optimization เพื่อเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์ ทำให้การเข้ามา Crawl หนึ่งครั้งในเว็บไซต์เก็บข้อมูลได้มากขึ้นกว่าเดิม
    • ผ่านมาตรฐาน W3C Validation เพื่อเป็นตัววัดคุณภาพ ตามมาตรฐาน ISO
  3. High Priority คือการปรับ Onpage เพื่อผู้ใช้เป็นหลัก โดยพิจารณาการจัดอันดับจาก “คุณภาพผู้เข้ามาใช้งานเว็บไซต์” ซึ่ง Google เริ่มที่จะให้ความสำคัญมากขึ้น หลักการก็คือเว็บไซต์ใดก็ตามที่มีผู้ใช้เข้ามาใช้งานมากและนาน Google จะจัดอันดับให้เว็บไซต์นั้นสูงขึ้น
    หากตามไปเจอเว็บไซต์ที่ Backlinks น้อย Density มีปริมาณที่แปลกๆ อาจจะน้อยเกินไปหรือมากเกินไป แต่สามารถอยู่ในอันดับที่ดีๆ ได้ตั้งข้อสันนิฐานได้ว่าเว็บไซต์นั้นอาจจะเป็น High Priority เว็บนั้นเอง
    ขยายความคำว่า “คุณภาพผู้เข้ามาใช้งานเว็บไซต์” สักหน่อย คุณภาพผู้ใช้นั้นก็เสมือนกับเป็นกระจกส่งถึงคุณภาพของเว็บไซต์ เมื่อเว็บไซต์ดี มีเนื้อหาไม่ซ้ำใคร (Unique Content) เว็บไซต์สามารถ Present ตัวเองได้ดีกว่าเว็บไซต์คู่แข่ง เมื่อผู้ใช้เข้ามาเจอเว็บไซต์ของคุณก็อยากจะกลับมาอีก (Traffic Return) เว็บไซต์ของคุณถูกแนะนำและบอกต่อผ่านสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำลิงค์มาจาก Blog มาจาก Web Sites มาจาก Social network/Social media  สิ่งเหล่านี้มันสะท้อนไปถึงคุณภาพนั้นเอง ไม่ว่าเว็บไซต์ของคุณจะอยู่อันดับที่เท่าไร เขาจะคลิกเว็บไซต์คุณเข้ามาใช้งาน และใช้เวลาอยู่ในเว็บไซต์คุณนานกว่าเว็บไซต์คู่แข่ง และนั้นเองทำให้ Google Bot นำไปประเมินอันดับที่คุณควรจะได้
“Content is King” คำนี้เป็นคำที่เราคุ้นเคยกันดี อย่าลืมว่าผู้เสพ Content ไม่ใช่ Bot แต่คือคน จึงขอเสนอคำอีกคำ นั้นก็คือ “User is King” ซึ่งน่าจะเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ยังยืน และเมื่อถึงจุดอิ่มตัวของการทำ SEO คุณก็อาจจะไม่จำเป็นต้องสนใจ SEO อีกต่อไป
สุดท้ายนี้บทความนี้เขียนขึ้นมาจากการทดสอบ สังเกตุ สรุปผล โดยนำประสบการ์ณส่วนตัวมาวิเคราะห์ ซึ่งอาจจะถูกหรือผิดใดๆ ก็ตาม จึงน้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกท่านมา ณ ที่นี้ เพื่อให้ได้ซึ่งความรู้ที่สามารถนำกลับมาใช้งานได้ต่อไป


วันนี้ผมจะมาแนะนำให้ทุกท่านทราบถึงลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO ซึ่งทุกๆเรื่องที่ผมพูดไปนั้น ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญในการจัดอันดับทั้งสิ้น ทั้งนี้หากลักษณะโครงสร้างของเว็บเราดีแล้ว มันจะทำให้การทำอันดับของเราง่ายขึ้นมาก ๆ ครับ บ้างครั้งไม่ทำอะไรเลย ปรับแค่โครงสร้างของสามารถขึ้นไปอยู่ในหน้า 1 ได้เลยครับ ต้องทำความเข้าใจก่อนนะครับว่า ทั้งหมดที่ผมจะกล่าวไปนี้ปัจจุบัน Search Engines ไม่ได้นำไปจัดอันดับแล้วนะครับ แต่มันก็ยังมีความสำคัญต่อการทำ SEO อย่างมากเลยละครับ
มาดูกันดีกว่าครับว่าลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO นั้นเป็นอย่างไร ดูที่รูปก่อนนะครับ
ลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO
[ SEO ] ลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO
  1. Title ต้องมี Keyword ที่ค้นหา ซึ่ง Title คือส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้าง อีกทั้งยังปรับโครงสร้างได้ง่ายที่สุด นี้เป็นตัวอย่าง Code ครับ
    <title>Sutenm.com » Blog Archive » วิธีเช็ค Index ใน Domain และ SubDomain ของโดเมนนั้นๆ</title>
  2. Meta Description ต้องมี Keyword ที่ค้นหา Meta Description ก็คือคำสั่งในภาษา HTML ที่ประกาศไว้ภายใน Hearder Tag หรือภายในคำสั่ง <head></head> นั้นเองครับ ความยาวของ Description ไม่ควรเกิน 200 อักษรครับ หากยาวไปมันก็จะไม่แสดงผลนั้นเองครับ นี้เป็นตัวอย่าง Code ครับ

    <meta name=”description” content=”วันนี้ผมมจะมาแนะนเรื่องวิธีเช็ค Index ใน Domain ของเราครับ เช่นโดเมนของผมคือ www.sutenm.com และมี SubDomain คือ” />

    ซึ่งการปรับแต่ง Description นั้นไม่มีผลกระทบกับตำแหน่งของคุณใน Search Engines ครับ แต่มันคือส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ที่ค้นหาทราบว่าในเว็บของเรามีอะไร(แน่นอนว่าในบทความของเราจะต้องมี Keyword คำที่ค้นหาอยู่ด้วยครับ) ซึ่งส่วนมากมักจะกำหนดให้มันเป็นแบบ Static คือกำหนดคำที่เราต้องการให้โชว์ใน Search Engines เข้าไปเลย ซึ่งมันก็แล้วแต่ลักษณะความต้องการของเราอีกทีครับ แต่หากเราไม่ใส่ Description ไปนั้นใน Google มันจะไป Random Description มาให้เราครับ ซึ่งในเว็บนี้ผมก็ไม่ได้ใส่ไว้ครับ
  3. URL ต้องมี Keyword ที่ค้นหา หรือบางท่านอาจจะเรียกว่า URL Structure ครับ สำหรับวิธีปรับแต่ง URL ให้เป็น URL Structure นั้นจะใช้วิธีการเขียน .htaccess ไฟล์ไปวางใน Root Directory ครับซึ่ง Hosting ที่เราใช้บริการอยู่จะต้อง Support htaccess ด้วยนะครับ
  4. Meta Keyword คือ Keyword ที่เราต้องการเน้นในหน้านั้น ซึ่งจะต้องสอดคล้องกับเนื้อหาในเว็บของเรา หากมีคนค้นหาใน Keyword นั้น ๆ แล้วต้องการให้เว็บของเราแสดงออกมา ซึ่งเราสามารถใส่ได้หลายๆ คำโดยใช้่เครื่องหมาย , คั่นครับ
    <meta name=”keywords” content=”Check Index, Domain, Site:, SubDomain, เช็ค Index” />
ทั้งหมดที่กล่าวมันนั้นคือลักษณะโครงสร้างที่ดีของ SEO นะครับ ซึ่งส่วนสำคัญคือ 3 ข้อแรกครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเว็บของเราโครงสร้างไม่ดี ก็ใช่ว่าจะขึ้นไปอยู่ในอันดับดี ๆ ไม่ได้นะครับ แต่หากเราปรับโครงสร้างเว็บของเราแล้วจะทำให้การทำ SEO ขึ้นตอนต่อไปมันง่ายขึ้นอีกเยอะครับ





กลับมาว่ากันด้วยเรื่องของการทำ SEO ให้กับ Blogspot ของเรากันบ้าง จากครั้งก่อนที่ว่าด้วยเรื่อง บล็อกการตลาด เริ่มอย่างไร ทำอย่างไร ให้เป็นบล็อกการตลาด ไป และกล่าวถึงความสำคัญของการทำ SEO ให้ Blogspot ของเรา สำหรับวิธีการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ให้กับบล็อกการตลาดของเราในที่นี้นั้น ผมเขียนจากวิธีการทำในแบบของผมเองนะครับ

หากท่านใดอ่านแล้วมีวิธีเด็ดกว่า หรือ มีเทคนิคเคล็ดลับที่บอกเล่าเก้าสิบได้ ก็สามารถบอกเล่ากันได้ถึงวิธีของท่าน เพื่อให้เพื่อนๆ ที่สนใจการทำ SEO บล็อกการตลาดได้เข้ามาศึกษากัน เป็นวิทยาทานครับ สำหรับผมเองมีการทำไม่กี่ขั้นตอนง่ายๆ ครับ

เอาล่ะ... หากพร้อมแล้วเรามาเริ่ม การทำ SEO ให้ Blogspotเพื่ออันดับบล็อกการตลาดที่ดี ในแบบฉบับของผมกันเลยดีกว่า...

เทคนิคการใช้ Keyword ตามหลัก SEO ให้ Blog ติดหน้า 1


วันนี้ดิฉันจะแบ่งปันเกี่ยวกับการใช้Keyword กับ Blog MLMหรือ Website MLM ของคุณให้ถูกหลัก SEO ( Search Engine Optimization ) เพื่อให้ Blog MLM ของคุณถูกค้นพบง่ายขึ้น ต่อจากบทความที่แล้วกันเลยนะคะ
หลังจากที่คุณได้คัดสรร Keyword เด็ด ๆ โดน ๆ เพื่อนำมาจดโดเมนเนมมากมาย จนได้ชื่อที่ถูกใจคุณแล้ว ( แต่ไม่รู้ถูกใจผู้คน หรือ เข้าตากรรมการอย่าง Google ตัวแม่หรือเปล่า) ไม่ต้องวิตกกังวลไปนะคะ เพราะต่อจากนี้ไป สิ่งที่คุณจะปฎิบัติอย่างเคร่งครัดกับ Blog MLMของคุณกำลังจะเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และจะมีผู้คนคลิกเข้า Blog MLMของคุณเพิ่มขึ้นแน่นอนค่ะ
ก่อนอื่น ต้องออกตัวนี๊ดนึง ว่าตัวดิฉันเองไม่ใช่กูรูหรือเชี่ยวชาญอะไรนัก แต่ที่อยากจะแบ่งปันในเรื่องนี้ เพราะเห็นเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ กับเพื่อน ๆ ร่วมชะตากรรมเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมา ตัวดิฉันเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากเลย แต่ด้วยความที่ชอบที่จะเรียนรู้และทดลองทำอะไรใหม่ ๆ อยู่เสมอ ก็เลยพอมีประสบการณ์การทำ SEO ด้วยตัวเองมาแบ่งปันใน Blog ให้คุณได้อ่านในวันนี้ไงคะ

75 วิธี รวมเคล็ดลับ โปรโมทเว็บ หรือ Blog ให้ดัง เว็บฟรี เว็บร้านค้าออนไลน์


75 วิธี รวมเคล็ดลับ โปรโมทเว็บ หรือ Blog ให้ดัง เว็บฟรี เว็บร้านค้าออนไลน์

แวะไปเห็นเว็บนึงรวมข้อมูลไว้ดีมาก ขออนุญาตินำมาเผยแพร์ต่อ ถึงวิธีการโปรโมตเว็บ หรือ blog ซึ่งว่าผมเขียนได้ ชัดเจนดีมาก และนอกจากใช้โปรโมต Blog แล้วมันยังสามารถ นำมาใช้โปรโมตเว็บได้อีกด้วย หากเราทำตาม 75 ข้อนี้ โอกาสเว็บเราคนเข้าเยอะ เป็นไปได้ไม่ยากเลยครับ
1. ถ้าคุณเพิ่งทำเวบใหม่สดๆเลย ก็เขียนบทความอะไรซักหน่อย แล้วไปส่งที่ Digg.com, Reddit.com, และ Now Public.com
2. สร้าง Yahoo Group เกี่ยวกับเรื่องของเวบเรา
3. สมัคร MySpace แล้วใช้มันช่วยโปรโมท
4. บุ๊คมาร์คเวบเราที่ Del.icio.us และถ้าคุณมีกึ๋นซักหน่อยนะ ก็ใส่ปุ่ม Del.icio.us ไว้ในเวบของคุณด้วย
5. สมัคร Technorati แล้วก็ "claim" Blog ของคุณซะ (อย่าลืมใส่ปุ่ม ไว้ที่เวบ)
6. submit เวบของคุณที่ directories ที่เป็น seach engine friendly แบบฟรีๆ ก็มีเยอะแยะ เช่น Info Vilesilencer
7. ทำแบบสำรวจ นี่เป็นวิธีที่ดีที่จะโปรโมทแบบ offline (มีใครเคยทำมั้ยง่ะ - -a)
8. ไปลงโฆษณาฟรีสำหรับบริษัทของคุณที่ Gumtree
9. ใช้ RSS feeds
10. submit RSS feeds ของเราตาม FeedBurner, Squidoo, Feedboy, Jordomedia, FeedBomb, FeedCat, rssmad, feedirectory, และ Feedboy
11. เขียนบทความที่เกี่ยวกับเวบของคุณ แล้วส่งไปตาม article sites

12. สมัคร StumbleUpon แล้วเรียกเพื่อนๆมาช่วย Stumble
13. สร้างหน้า 404 ของตัวเองไว้ เผื่อว่าคนเข้ามาเจอ error ก็จะ redirect ไปที่อื่นๆที่ดีๆ
14. สร้าง 301 redirect เพื่อจะ redicrect traffic ของคุณจาก non-www มาที่ www ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่
15. ใส่ลิ้งของเวบคุณไว้ใน signature ของเวบบอร์ดที่คุณเป็นสมาชิก
16. บอกเพื่อนๆเกี่ยวกับเวบของคุณ (มันเป็นหารโฆษณาฟรีๆน่ะ)
17. ตรวจคำผิดในเวบของคุณด้วย!
18. เช็คเวบของคุณ browser หลายๆอัน
19. ซื้อโฮสต์ที่ดีพอ ไม่มีใครชอบเวบที่เป็นเต่าคลาน
20. ไม่ต้องกังวลกับ PageRank ไปหาทางโปรโมทดีกว่านะ เดี๋ยว PageRank มันก็ดีตามเอง
21. แจกของฟรี !! คนส่วนมากจะบอกต่อ เมื่อมีของฟรี
22. บอกเพื่อนบ้านของคุณ (- -a)
23. บอกวิธีที่จะติดต่อคุณให้มากที่สุด msn email yahoo skype เบอร์โทร ที่อยู่
24. ลงโฆษณากับ Craigslist มันฟรี และก็ดีใช้ได้
25. อย่าใช้ Frames
26. Submit เวบที่ DMOZ.org มันอาจจะต้องใช้เวลาซักหน่อย แต่ก็คุ้ม
27. สร้าง Site Map ให้กับเวบของคุณ แล้วส่งให้ Google
28. ทำเสื้อขึ้นสกรีน URL เวบคุณลงไป แล้วก้ใส่มันบ่อยๆด้วย (อืม..คิดได้เนอะ - -")
29. เอาไปให้สาวสวยหุ่นเร้าใจใส่ด้วยซักตัว *-*
30. สมัคร Affiliate program เพื่อขายสินค้าของคุณ หรือว่าถ้าคุณเป็น Publisher ก็โกยเงินกัน!!
31. ในหน้า contact ถามด้วยว่า คุณสนใจจะรับ Newsletter มั้ย
32. ส่ง Newsletter !!
33. เข้าร่วมสัมมนาคนทำเวบ คุณอาจจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆก็ได้
34. หา Blog ดีๆ ดังๆ แล้วก็ไปตอบคอมเม้นไว้ (ใส่ลิ้งเวบคุณด้วยล่ะ)
35. อย่าจ้างคนให้ submit search engines ให้ เสียตังค์เปล่าๆ เพราะอันที่ดังๆมีแค่ Google 50% Yahoo 25% และ MSN 10%
36. ส่งคลิบเข้าพร้อมกับชื่อเวบคุณในคลิบ ที่ YouTube กับ Google Video
37. แจกฟรี e-book แล้วเวบคุณจะเป็นที่ฮือฮา
38. แจก Wordpress Theme, Blogger Theme, หรือ phpLD themes
39. ถ้าคุณขายของที่มีโฆษณาในทีวี เขียนในเวบคุณด้วยว่า "แบบที่เห็นในทีวี"
40. หลีกเลี่ยงเทคโนโลยีที่ไฮโซเกิน เช่น Java หรือ Active x
41. แจกของให้โหลดได้ ระวังลิขสิทธิ์ด้วย
42. เรียนรู้ CSS
43. ตอบคอมเม้น ยิ่งถ้าเป็น Blog ตอบบ่อยๆ
44. ขอให้เวบอื่น หรือ Blogger คนอื่นๆ ช่วย review เวบคุณ หรือว่า สินค้าก็ได้ (แลกกัน review ก็ดี)
45. ใช้ชื่อ page ที่มีความหมาย เช่น www.YoutDomain.com/keyword/keyword ไม่ใช่ www.yourdomain.com/pgInfoPages.cfm?cx=50799399822
46. ถ้าคุณจำเป็นจะต้องมี Flash ที่หน้าแรก อย่าลืมใส่ปุ่ม skip ด้วย
47. บอกหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น หรือ วารสารประจำโรงเรียนเกี่ยวกับเวบของคุณ บางทีถ้าเค้าไม่มีเรื่องจะเขียน หน้าของคุณอาจจะไปโผล่ในนั้นก็ได้
48. จงดังในหมู่คนที่เขียนเรื่องเดียวกัน
49. บริจาคเพื่อการกุศล แล้วส่วนมากเค้าจะใส่ลิ้งแบคให้คุณ
50. ปฏิบัติตามกฏของ W3C standards มันจะช่วยให้คุณอยู่รอดได้ในระยะยาว
51. ทีมกีฬาในโรงเรียน หรือในชุมชน ให้โอกาสคุณเป็น sponsors ในราคาถูกและดี
52. โปรโมทเวบตามบอร์ดต่างๆ แต่อย่าสแปม
53. ขอให้ Blogger เขียนเกี่ยวกับเวบของคุณ โดยแลกกับลิ้งแบค
54. จัดการประกวดแข่งขันขึ้นมาในเวบ
55. ใส่ปุ่ม "ส่งต่อให้เพื่อน"
56. มี site map ในเวบของคุณ เพื่อช่วยผู้เข้าชม และsearch engine
57. ตั้งชื่อที่มีคีย์เวิร์ดตรงๆ ทั้งผู้อ่านและ search engine ชอบ
58. ใส่ปุ่ม FeedBurner ในเวบด้วย คนอ่านจะได้สมัครได้ง่ายๆ
59. Adwords เป็นทางเลือกที่ดี ถ้าคุณใช้มันเป็น
60. ใส่ About Me ใน Blog ผู้อ่านจะรู้สึกว่ามี'คน'ที่กำลังสื่อสารกับเค้า
61. สร้างหน้าเวบ แบนเนอ และโลโก้ไว้บนเวบ เพื่อว่าใครจะเอาไปตีพิมพ์ หรือเอาไปแปะในเวบ
62. ใส่ลิ้งมาที่เวบคุณจาก ebay profile
63. ขอให้เพื่อนของคุณช่วยวิจารณ์เวบแบบตรงๆ
64. E-books ที่มี reseller rights เป็นของแจกที่ดีอย่างนึงสำหรับเวบคุณ
65. submit รูปที่ Flikr
66. แชร์ banner ที่ เวบแลกเปลี่ยน banner
67. ตอบอีเมลล์ของลูกค้าให้เร็ว ไม่มีใครชอบรอ 3-4 วันกว่าจะได้รับคำตอบ
68. Keep It Simple Stupid (KISS) ใช้ CSS ในการวาง layout และ html text อย่าลวดลายมาก
69. อย่าใส่รูปเยอะมากจนเกินไป จะทำให้โหลดช้า
70. ถ้าคุณคิดว่าจะ submit เยอะมากๆ สร้างเมลล์อันใหม่มาเพื่อการนี้ แล้วทิ้งมันไปซะเพื่อลดการ สแปม
71. ใส่ Favicon ให้เวบคุณ จะได้โดดเด่นเวลา Bookmark
72. เข้า Yahoo answer แล้วตอบคำถาม พร้อมกับใส่เวบของคุณเปน source
73. อย่าซื้อ traffic มันจะมาแค่วูบเดียว แล้วจากไป
74. ทำความรู้จักกับคนที่อยู่ในวงการเดียวกัน เข้า community เป็นต้น
75. เขียนบทความที่จะมีคนอยากลิ้งถึงมากๆ เช่น บทความนี้ไง แลบลิ้น
?
เครดิต http://juneandtheblog.blogspot.com/2007/08/75.html

ร่วมเป็นสมาชิก Blogseothai คุณคือตัวจริง !