แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ keyword แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ keyword แสดงบทความทั้งหมด

หลักการทำ SEO ที่เเท้จริง



หลักการทำ SEO ที่เเท้จริงมี 5 ข้อเท่านั้น !


1. หา Keyword ที่คู่เเข่งเราใช้หรือมีคนกดมากที่สุด

นำมาพัฒนากับ keyword เรา ผมมักจะใช้เครื่องมือในการค้นหา เช่น https://adwords.google.com/home/tools/keyword-planner/ 

เป็นผู้ช่วยในการดูจำนวนคนค้นหาบน Google


2. จับ Keyword มาใส่ให้เเต่ละหน้าของเรา

ในหน้าเว็บเราไม่ได้มีเเค่หน้าเดียวใช่มั้ยครับ ? เรานำ keyword ที่เราได้มาผสมผสานกับ Title เเละ Description เเละ Tags เราให้เหมาะสมซิ !

เช่น keyword : มอเตอร์ไซค์มือสอง

หน้า หน้าหลัก (Homepage) : ค้นหามอเตอร์ไซค์มือสอง

หน้า รายละเอียดมอเตอร์ไซค์ (Listing Page) : มอเตอร์ไซค์มือสองยี่ห้อ Ducati



3. คอยเพิ่มเนื้อหาให้เว็บเรามากขึ้นด้วย Keyword ที่เเตกต่าง

จะคล้ายๆกับการเขียนข่าวสารอัพเดตบนเว็บไซค์เพื่อให้เว็บเรามีเนื้อหา ข้อมูล ข่าวสารที่เกี่ยวกับ Keyword นั้นมากยิ่งขึ้น

เช่น Keyword : มอเตอร์ไซค์มือสอง

เขียนเนื้อหาเพิ่มที่เกี่ยวข้อง ฮอนด้า(Honda), ยามาฮ่า(Yamaha)



4. สร้างเครือข่ายลิงค์ (Link) ให้มากยิ่งขึ้น

ในการสร้างลิงค์เป็นเทคนิกที่จะสามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมได้มากขึ้น เช่น การทำไปโพสบน กลุ่ม Facebook, กระทู้ เว็บบอร์ดที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่เราทำ เเละ หาพาร์นเนอร์ที่จะช่วยนำบทความหรือเว็บเราไปโปรโมทเช่นกัน


5. ทำตาม 1–4 ใหม่อีกครั้ง

เราจะทำเพื่อการวัดผลเเละปรับปรุง Keyword ให้หลากหลายเเละมีคุณภาพมากยิ่งๆขึ้นไปอีก



เครดิต : Tonybally

วิธีทำ keyword ติดอันดับดีหน้า1

SEO thai

แปลมาให้อ่านนะครับ 
เครดิต : Nick Watson http://www.warriorforum.com/ad...gy-i-use-rank-any-keyword.html 
STEP 1: Pick a keyword
เลือกคีย์เวิร์ดที่ต้องการจะทำอันดับ ถ้าเกิดว่าเป็นคีย์เวิร์ดยากๆให้เขียนบทความลงเว็บหนึ่งบทความ ความยาว500คำ+ ถ้าคำง่ายๆไม่จำเป็น


10 จุดสุดยอดในการใช้ Keyword ในการทำ SEO


10 จุดสุดยอดในการใช้ Keyword ในการทำ SEO

การใช้ Keyword ในการทำ Search engine Optimization หลายคนที่เป็นมือใหม่ อาจจะไม่มั่นใจหรือใช้ได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร หลังจากที่ได้อ่านบทความนี้ ผมเชื่อว่าน่าจะเป็นแนวทางให้สำหรับ ผู้ที่ยังไม่มั่นใจหรือยังไม่รู้ว่าจะใช้ยังไง ได้ไม่มากก็น้อยนะครับ อย่ามัวเสียเวลาครับเริ่มต้นกันเลยดีกว่า

5 อันตรายใครทำบ้างใน SEO

         


ต้องยอมรับนะครับว่าในปัจจุบันการทำ SEO (Search Engine Optimization) เริ่มทำยากมากขึ้นและใช้เวลาในการทำอันดับที่นานขึ้น แต่การทำ SEO มันสามารถช่วยให้คุณมี traffic เข้าเว็บไซต์ที่เพิ่มขึ้นแถมยังเป็น traffic ที่มีคุณภาพอีกด้วย เมื่อ traffic เพิ่มขึ้นก็สามารถหาเงินออนไลน์ได้มากขึ้น “More traffic = More money” เนื่องจาก traffic ที่ได้จาก search engine นั้นเป็นสิ่งที่คน search หาข้อมูลที่ต้องการอ่านจริงๆ ยิ่งถ้าคุณอยากติดอันดับดีๆ บน search engine การทำ SEO เป็นสิ่งที่ควรจะทำและเพื่อให้มั่นใจว่า SEO ที่เรากำลังทำอยู่นั้นมีคุณภาพและไม่ส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์ของเราในอนาคต นี่คือ 5 สิ่งที่คุณควรจะหลีกเลี่ยงในการทำ SEO เพราะมันอาจจะทำให้คุณเจ็บหนักได้

1. ซื้อลิงค์


การซื้อลิงค์เป็นสิ่งที่ยังใช้ได้นะครับ มันเหมือนกับเรานำร้านค้าหรือเว็บไซต์ของเราไปตั้งอยู่ท่ามกลางผู้คน แน่นอนมันก็เพิ่มโอกาสที่ทำให้คนเข้าถึงร้านเรามากขึ้น แต่การซื้อลิงค์ที่ดีเราก็ต้องนึกถึงหลักของความเป็นจริงด้วยนะครับ มีหลายบริการการฝากลิงค์ที่มีให้คุณเลือกมากมายในโลกออนไลน์ แต่แน่ใจเหรอครับว่าลิงค์ที่เค้าฝากให้เรานั้นได้คุณภาพ โดยส่วนตัวผมเคยลองใช้บริการพวกนี้ดูแล้ว ส่วนใหญ่เค้าจะเอาบทความไปปั่นหรือไม่ก็ฝากลิงค์ในหน้าเว็บที่แทบจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเนื้อหาเว็บไซต์คุณเลย คุณขายเนื้อให้คนที่เป็นมังสวิรัติไม่ได้หรอกครับ ดังนั้นการฝากลิงค์ใน niche เดียวกับเราหรือเนื้อหาที่ใกล้เคียงกันย่อมเป็นการฝากลิงค์ที่มีประสิทธิภาพกว่า ในปัจจุบัน search engine มีทีมงานเฉพาะที่ทำการตรวจสอบที่มาของลิงค์ขาเข้าของเว็บไซต์เราได้แล้วนะครับ ว่าลิงค์ขาเข้าของเว็บไซต์เรานั้นเข้ามาอย่างผิดปกติ ก็อาจส่งผลเสียต่ออันดับเว็บไซต์ของเราด้วย

2. ใช้ duplicate content


Google ไม่ค่อยชอบ duplicate content หรือบทความที่ซ้ำกับชาวบ้านเค้า แต่จริงๆบทความที่เป็น unique content อาจจะยังไม่ตอบโจทย์บทความที่ตอบโจทย์จริง ๆ สำหรับผม บทความที่เป็น unique content ควรเป็น useful content ด้วยจะดีมากเพราะคนอ่านอ่านแล้วรู้สึกมีคุณค่าและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ ได้จริง ที่เค้าบอกกันว่า unique content is king นั้นอาจไม่จริงเสมอไป จริงๆแล้ว useful unique content ต่างหากที่ตอบโจทย์ของ search engine ยิ่งถ้าคุณมีบทความคุณภาพมากขึ้นมันก็ส่งผลต่ออันดับของเว็บไซต์คุณด้วย

3. ยัด keyword


ผมว่าอันนี้ทุกคนน่าจะเข้าใจตรงกัน มันคือการยัดคีเวิร์ดที่เราต้องการเข้าไปในเนื้อหาของเว็บไซต์เราให้เยอะเพื่อให้search engine เห็นว่าเรามี keyword นี่เยอะและทำให้ keyword นั้น rank ขึ้นมาได้ ในสมัยก่อนมันเป็นสิ่งที่ใช้ได้ดี แต่เดี่ยวนี้มันไม่ใช่แล้วครับ algorithm ของ search engine นั้นมีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วและยังสามารถแยกแยะบทความได้ดีขึ้น ถ้ามันดูไม่เป็นธรรมชาติ มันก็ส่งผลต่ออันดับของคุณด้วย คำแนะนำคือคุณอาจจะลองใช้ keyword ที่ต้องการขึ้นอันดับนั้นแตกเป็น keyword ย่อยดู แล้วนำมาเขียนให้เจาะลึกและแตกย่อยเนื้อหาเพิ่มขึ้นก็สามารถช่วยให้อันดับของ keyword ที่คุณต้องการ rank นั้นมีอันดับที่ดีขึ้นได้

4. มุ่งเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ


ลิงค์ที่ได้มาจากบทความคุณภาพเพียงลิงค์เดียวย่อมดีกว่าลิงค์ที่ไม่มีคุณภาพจากหลายๆที่รวมกัน แล้วอะไรละคือลิงค์ที่มาจากคุณภาพบทความ? ลิงค์ที่ดีควรจะมาจากเนื้อหาที่ใกล้เคียงกัน มันก็เหมือนคุณได้เข้าไปร่วมการสนทนากับเรื่องที่ใกล้เคียงกันกับคุณคนฟังคนอื่นเค้าย่อมฟังและรับความคิดเห็นจากคุณด้วย ในทางกลับกันถ้าคุณเข้าไปมีส่วนร่วมกับคนที่เค้าไม่ได้คุยเรื่องเดียวกันกับคุณเค้าก็คงไม่สนใจคุณใช่ไหมครับ อย่างการฝากลิงค์กับพวก blog comment คุณจะเห็นตัวอย่างที่ชัดเจนขึ้น บล็อกส่วนใหญ่มีที่ให้เอาไว้ฝาก comment และลิงค์แต่จำเป็นต้องผ่านการอนุมัติของเจ้าของบล็อกก่อน ถ้าบล็อกคุณมี comment บทความที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยเอาแต่จะฝากลิงค์ ถ้าคุณเป็นเจ้าของบล็อกนั้นคุณจะปล่อยให้มี comment ที่จะเอาแต่ขายของนั้นให้ขึ้นไหม หลายคนนั้นพยายามฝากลิงค์ให้ได้เยอะๆ ผ่านบล็อกเหล่านี้โดยเน้นไปทางปริมาณมากกว่าคุณภาพ โดยไม่รู้ตัวเลยที่กำลังทำอยู่นั้นเสียเวลาเปล่าและไม่ได้อะไรกลับมาเลย หรืออย่างการฝากร้านผ่าน instagram ดารานั่นแหละครับ มันก็คล้ายๆกันครับ

5. ฝากลิงค์อย่างเดียว


การฝากแต่ลิงค์อย่างเดียวนั้นอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ใช่ของการทำ SEO ทางที่ดีนั้น คุณอาจจะใช้ social media อย่าง facebook หรือ content marketing อย่างพวก hubpage หรือ ezinearticles เพื่อเพิ่มความสมดุลในการทำ backlink ให้มากขึ้น แถมยังช่วยให้คุณได้ traffic จากที่อื่น นอกเหนือจาก search engine ด้วยนะครับ

สำหรับผมบางข้อข้างต้นนั้นมันอาจจะยังทำได้ผลอยู่ แต่ถ้าคุณต้องการสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองและไม่ต้องกังวลว่าเว็บไซต์ของเรานั้นจะโดน search engine เก็บเมื่อไร คุณจะเห็นว่าสิ่งที่ผมบอกมาข้างต้นเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงอยู่ดี และสิ่งหนึ่งที่จะช่วยอันดับของคุณที่ขึ้นได้โดยแทบไม่ต้องฝากลิงค์เลยนั่นก็คือ บทความที่มีคุณภาพที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านนั้น เพราะผู้อ่านที่ชอบนั้นจะเกิดการแชร์และบอกต่อเองครับ

ที่มา: http://www.passiveincomeoptimizer.com

เราควรใส่ keyword ในเว็บเพจตรงใหนดี ?

เราควรใส่ keyword ในเว็บเพจตรงใหนดี ?



  1. ใช้ keyword ที่บริเวณ ชื่อหน้าเพจ (Title) ให้เราใส่ Keyword ที่เราต้องการจะใส่โดยให้น้ำหนักจากการเรียงจาก ซ้ายไปขวา อันนี้สำคัญที่สุด ห้ามขาดหรือลืมใส่เด็ดขาด เพราะจะทำให้ Search Engine ไม่ทราบว่าเนื่อหาของเราเกี่ยวกับอะไร โดย search engine จะ Title เป็นข้อหัวหลัก แล้วเอาเนื้อหามาเป็นตัวเพิ่มคะแนนของเว็บเพจนั้นๆ
  2. ใช้ keyword ที่บริเวณชื่อหัวข้อของเนื้อหา (Heading tag) โดยการใช้ H1,H2,H3 เป็นต้น แต่ไม่ควรใส่ keyword ในทุกๆ H ใส่แค่ H1 หรือ H2 ก็พอ
  3. ใช้ keyword ที่บริเวณ เนื้อหาในส่วนแรก (First Content) ให้ใส่ Keyword ไว้ในตำแหน่ง 20 คำแรกโดยประมาณ ให้ชัดเจน หรืออาจจะใช้ตัวอักษรลักษณะเอียงก็ได้
  4. ใช้ keyword ที่บริเวณ ลิงค์เชื่อมโยงมาตรฐาน (Standard Text Link) คือการเชื่อมโยงในลักษณะ การใช้ Text link เป็นตัวเชื่อมโยง แล้วแทรก Keyword ผสมเข้าไปด้วย
  5. ใช้ keyword ที่บริเวณ เนื้อหาในส่วนสุดท้ายของหน้า (The last content) เพื่อเน้นย้ำหรือใช้ในการสรุปเนื้อหา อาจจะใช้เป็นลักษณะตัวเอียงหรือหนา (แนะนำให้ใช้ tag <b>คีย์เวิร์ด</b> แทน <strong>คีย์เวิร์ด</strong> เพราะ Search Engine ชอบ HTML แบบเก่ามากกว่าแบบใหม่) ก็ ได้ครับ
  6. ใช้ keyword ที่บริเวณ เมนูเลื่อนลง (Drop Down Menu) Drop down menu นี้เป็นที่ซ่อน Keyword ที่ดีอีกที่ที่ไม่ควรมองข้าม
  7. ใช้ keyword ตั้งชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ (Folder name, File name) วิธีนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจพอสมควรครับกับการทดลองใช้ในหลายๆ เว็บที่ผมลอง หากต้องใช้ Keyword มากกว่า 1พยางค์ ควรใช้เครื่องหมาย ?-? เป็นตัวคั่นกลาง
  8. ใช้ keyword ที่บริเวณ คำอธิบายรูปภาพ (Images alt tag) การใช้ tag alt เข้าช่วยนั้นเพราะว่า Search Engine นั้นไม่รู้จักรูปภาพเราสามารถบอก Search Engine ให้รู้ว่าภาพนั้นเป็นภาพของอะไรได้โดยใช้ tag alt=?keyword? นี้เข้าช่วย
  9. ใช้ keyword ที่บริเวณ คำอธิบาย ลิงค์ (Text link title) การใช้ text link title นั้นคลายการใช้ tag alt เพียงแต่ tag นี้ใช้อธิบาย link
  10. ใช้ keyword จด Domain name ด้วย Keyword (Domain name register) การใช้ Keyword หลักของเว็บในการจด Domain name นั้นหากทำได้ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งแล้วครับ
  11. ในส่วนของเนื้อหา ให้เน้น keyword ด้วย tag <b>คีย์เวิร์ด</b> ซัก 2-3 แห่ง แต่ต้องระวังไม่ใส่มากเกินไป
  12. ในช่วย ย่อหน้าแรกๆ ควนใส่คีย์เวิร์ด ใน tag < p> ประมาณ 2 ครั้ง จะเป็นการดี

http://www.seoido.com/seo-website/useing-keywords-in-webpage-100.html#more-100

Text Link คืออะไร

Text Link  คือ


Link บนหน้าเว็บของคุณซึ่งไม่ว่าจะเป็น Link ภายในเว็บไซด์ หรือ Link ที่ออกไปสู่เว็บไซด์อื่นๆ ก็ตาม ไม่ว่ากรณีใดของเว็บไซด์คุณก็ตาม Link ต่าง ๆ ก็ควรชัดเจนเช่นกัน เพื่อให้ผู้ใช้นั้นสามารถเข้าใจได้ง่าย และ Google ก็จะเข้าใจได้ด้วยว่า Link ที่คุณกำลังเชื่อมโยงในเว็บไซด์นั้น เกี่ยวกับเรื่องใด


วิธีปฏิบัติการทำ Text Link ตามหลัก Google




1. เลือกข้อความที่ได้ใจความ ข้อความที่ใช้ในการทำ Link นั้นอย่างน้อยก็ควรเป็นคำที่อ่านแล้วเข้าใจได้ว่า Link ที่จะไปต่อนั้นเกี่ยวกับเรื่อง อะไร

  • หลีกเลี่ยง
การเขียนข้อความด้วยคำทั่วไป หรือคำที่มีความหมายกว้างๆ เช่น click here หรือ คลิกที่นี่ (เห็นบ่อยมาก พวก click here นี่)
คำที่ไม่เกี่ยวข้อใดๆ กับเนื้อหา หรือ คำที่หลุดประเด็นไปเลย
การใช้ (.) เฉยๆ เคยเห็นอยู่เหมือนกัน พวกที่เป็น จุด 3 จุดอะไรพวกนี้ก็ไม่ควรเหมือนกันนะครับ
การนำ URL ไปแปะเอาเลย ก็ไม่ควร


2. เขียนข้อความให้กระชับ เรียกได้ว่า ต้อง สั้น ง่าย ได้ใจความ อ่านแล้วรู้เรื่องเลยทันที



  • หลีกเลี่ยง

  1. การเขียนข้อความยาวๆ
3. ทำ Link ให้สะดุดตา ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแยกแยะได้ว่าอะไรคือข้อความ ธรรมดาทั่วไป อะไรเป็น Link
  • หลีกเลี่ยง

การใช้ CSS ในการปรับแต่งให้ Link มีลักษณะเหมือนกับข้อความทั่วๆ ไป (เคยเห็นอยู่พอสมควรเหมือนกัน)


4. อย่าลืมนึกถึงข้อความสำหรับ Link ภายในด้วย คนส่วนมากมักจะนึกถึงข้อความสำหรับ Link ที่ออกไปสู่เว็บต่างๆ แต่ขอให้จำไว้อย่างนึง ว่า Link ภายในก็สำคัญไม่แพ้กันโปรดใส่ใจมันให้มากกว่านี้ด้วยนะครับ เพราะมันจะช่วยในการนำทาง Google มายังเว็บไซด์ได้มากยิ่งขึ้น

  • หลีกเลี่ยง
การพยามเอา Keyword มาทำเป็น Link ข้อความมากเกินความจำเป็น หรือ เยิ่นเย้อ เพื่อดึงดูด Search Engine สร้าง Link เยอะเกินความจำเป็น ซึ่ง เป็น Link ที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อการใช้งานเว็บไซด์

วันนี้มีเพียงแค่ 4 ข้อเท่านั้นผมจึงอยากให้ทุกๆ คน สามารถทำได้เพราะมันไม่ยากจนเกินไปนะครับ แล้วเจอกันใหม่ใน บทความ หน้า วันนี้สวัสดีครับ


เครดิต: http://seo.clisk.co.th

10 ปัจจัย ในการทำ SEO เกี่ยวกับ Keywords



   
ที่
ตำแหน่ง
รายละเอียด
คะแนน
1
Keywords in <title> tag
สิ่งที่สำคัญอันดับหนึ่ง ของการทำเอสอีโอเลย ก็คือการใส่คีย์เวิร์ดไว้ที่ แท็ก <title> ซึ่งการเขียนไตเติ้ลดีๆ ช่วยให้คนคลิกมากๆ ได้ คีย์เวิร์ดควรอยู่ที่ประมาณ 6  7 คำ โดยให้คำที่สำคัญที่สุด อยู่อันดับแรกๆ ไว้ก่อน.
+3
2
Keywords in URL
คีย์เวิร์ดที่ตำแหน่ง URL การจดโดเมนหรือ สร้างโฟลเดอร์ ไฟล์ ให้เป็นคีย์เวิร์ดที่ต้องการ ช่วยให้ติดอันดับต้นๆ ได้
+3
3
Keyword density in document text
ปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ ความหนาแน่นของคำ ในหน้านั้นๆ ควรอยู่ที่ 3 – 7 % สำหรับคำหลักๆ, 1-2 % สำหรับคำรองๆ ทั้งนี้ไม่ควรเกิน 10% เพราะถูกมองว่าเป็น keyword stuffing ตรวจสอบความหนาแน่นของคำได้ที่.http://www.webconfs.com/keyword-density-checker.php
+3
4
Keywords in anchor text
สิ่งที่สำคัญอีกเช่นกัน เพราะ Anchor Text จะเป็นคำที่เชื่อมโยงลิงค์มาหาหน้านั้นๆ เช่นจะลิงค์ไปที่หน้าเกมส์ทำอาหาร ก็ใส่Anchor Text ว่า เกมส์ทำอาหาร เป็นต้น
+3
5
Keywords in headings (<H1>, <H2>, etc. tags)
การใส่คีย์เวิร์ดไว้ที่ย่อหน้าแรก ควรใช้ <h1><h2> ไม่ควรกำหนดขนาดตัวอักษรเอาเอง
+3
6
Keywords in the beginning of a document
คีย์เวิร์ดที่สำคัญ ควรอยู่ต้นๆ เอกสาร หรือย่อหน้าแรก ถ้าอยู่ในตารางก็ควรอยู่ที่หัวตาราง
+2
7
Keywords in <alt> tags
ในกรณีใส่รูป ต้องใส่ alt tags ให้กับรูปทุกรูป
+2
8
Keywords in metatags
การใส่คีย์เวิร์ดที่แท็ก <meta> Google และ Yahoo! ลดความสำคัญลงมา แต่ MSN Live ยังคงให้ความสำคัญอยู่ แต่ทั้งนี้ไม่ควรสแปมคีย์เวิร์ดลงไปมากๆ.
+1
9
Keyword proximity
คำหลักที่อยู่ใกล้กัน ในกรณีที่มีการค้นหา หลายๆ คำ คำที่เขียนติดกันจะให้ความสำคัญมากกว่า
+1
10
Keyword stuffing
การสแปมคำซ้ำๆ ในหน้าหนึ่งๆ ที่มีคีย์เวิร์ดมากกว่า 10% ของข้อความทั้งหมด จะถูกแบนจากเสิร์จเอนจิ้นแน่ๆ.
-3


ที่มา www.dmozseo.com

One-stop Service Keyword Page


One-stop Service Keyword Page

ไอเดียการสร้างหน้า keyword ที่ตรงใจ visitor ครับ
ผม เชื่อว่าเพื่อนๆส่วนหนึ่งที่จ้างเขียนบทความอาจจะเจอปัญหาเรื่องจ้างเขียน แล้วได้บทความไม่ตรงใจ เช่นส่ง kw "Australia Adventure" ไปจ้างเขียน อยากได้ทำนอง how to get the best deals แต่คนเขียนดันเขียนมาแนวสถานที่ที่ควรไปซะนี่

แน่นอนว่าเขาเขียนไม่ ผิด แต่มันไม่ตรงใจเรา เพราะอะไร? ก็เพราะ keyword มันดิ้นได้ ต้องเดาใจว่าคนที่ค้นเขาต้องการอะไรจากการค้นครั้งนี้ บางคนอาจจะต้องการรู้สถานที่ที่ควรไป วิธีการเดินทาง บางคนต้องการ package tour หรือบางคนอาจจะแค่อยากอ่านสนุกๆ แบบว่าว่างมาก

โจทย์นี้เลยมาตก อยู่ที่เจ้าของเว็บว่าจะทำยังงัยดีกับคนค้นที่มาด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่าง กัน แต่จะต้องมาเจอหน้าบทความของเราแค่หน้าเดียว สมมุติว่าคนเข้ามาเพราะต้องการ package tour ถูกๆ เข้าทางโจรเลยครับ บทความเราเป๊ะ แต่ถ้าเขามาด้วยวัตถุประสงค์อื่น หน้าเว็บเราก็จะกลายเป็นส่วนเกินที่เขาไม่ต้องการไปทันที

สรุปเบื้องต้นตรงนี้ก่อนว่า บทความที่เราคิดว่าคุณภาพเต็มร้อย โครตเทพ ก็จะสามารถตอบสนองความต้องการของ visitor ได้บางส่วนเท่านั้น

ถ้า ถามผมว่า ทำยังงัยดีละกับปัญหานี้ ผมก็ไม่รู้ครับ ผมให้ความสนใจปัญหานี้มาระยะนึงแล้ว ตอนนี้กำลังทดลองอะไรบางอย่าง จริงๆผลการทดลองออกมาให้เห็นแล้ว เพียวแต่มันระยะสั้นเกินไปที่จะสรุปเป็น roadmap ได้
   
แนวทางที่ผมใช้ในการแก้ปัญหานี้คือ การสร้าง kw page แบบ one-stop service ซึ่งหมายถึงการสร้าง kw page เพื่อตอบสนองความต้องการของ visitor ส่วนใหญ่ (อาจจะไม่ทั้งหมด) วิธีการไม่ซับซ้อนครับ

  • ขั้นแรก เมื่อหา kw ที่ต้องการทำได้แล้ว ผมก็จะมานั่งคิดว่า คนเขาค้น kw นั้นด้วยวัตถุประสงค์อะไรได้บ้าง
  • ขั้นสอง สร้างหน้า kw ตามวัตถุประสงค์นั้นๆ
  • ขั้นสุดท้าย วัดผล

สำหรับเพื่อนๆที่ยังนึกไม่ออก ลองดูตัวอย่างนี้นะครับ
สมมุติ ว่าเราทำ kw page ของคีย์ cpanel web hosting (ยกตัวอย่างนี้บ่อย แต่ผมไม่ได้ทำนะครับ ยากเกิ้น) เราก็ต้องมานั่งนึกว่าคนเขาค้นเข้ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร ก็จะสามารถแยกคร่าวๆได้ดังนี้
1. กลุ่มที่ต้องการรู้ว่ามันคืออะไร
2. กลุ่มที่รู้ว่าคืออะไร แต่ต้องการรู้ว่ามีเจ้าไหนเด็ดๆบ้าง
3. กลุ่มที่รู้ว่ามีที่ไหนบ้าง แต่ต้องการอ่าน reviews, feedback เป็นต้น
4. กลุ่มที่รู้ทุกอย่างแล้ว เพียงแต่จะมาหาคูปองหรือ package ราคาถูกๆ

เอา แค่ 4 กลุ่มละกัน ถ้าเราจ้างเขียนบทความ แล้วเขาเขียนมาให้เราในแนว CPanel Web Hosting - What is it? แบบนี้กลุ่มแรกยิ้ม แต่อีก 3 กลุ่มเบ้หน้า เพราะรู้แล้ว ... ผมเชื่อว่าเขาจะกดปิดหน้าเว็บของเรา

เพื่อแก้ปัญหานี้ ผมก็จะสร้างหน้าเว็บที่มีข้อมูลต่อไปนี้
1. มันคืออะไร ดียังงัย เมื่อเทียบกับ hosting ประเภทอื่นๆ
2. reviews ซัก 1-2 ที่ ทำนอง best in class (แน่นอนมี aff link ให้กดเล่นสนุกๆด้วย)
3. ตามด้วย recommended cpanel web hosting services อีกซัก 4-5 ที่ (มี aff link ด้วย)
4. ตามด้วย deals of the week/month ก็ว่าไป ใส่ promo code / coupon / package ราคาพิเศษ
5. ตบท้ายด้วย related topics เผื่อข้อมูลหน้านี้ไม่ตรงกับที่ visitor ต้องการ จะได้มีที่ไปต่อ

พวก aff ที่เราเอามา reviews เป็นได้ทั้ง amazon, cj, cb หรืออะไรก็ได้ครับ ที่สามารถสร้าง value added ให้กับ visitor และกับเราได้
ส่วนการวัดผลก็ง่ายๆครับ click + earning จาก aff นั้นๆ

เพื่อนๆละครับ มีแนวทางการสร้าง kw page เพื่อรองรับความต้องการที่แตกต่างของ visitor ยังงัยกันบ้าง

credit: http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,165460.840.html

SEO On-Page

seo onpage

Code ในการปรับแต่ง SEO On-Page


โดยหลักๆ ขอให้ Code คร่าวๆ ก่อน
<b:include data='blog' name='all-head-content'/>
    <title>
 <b:if cond='data:blog.homepageUrl == data:blog.url'>
  <data:blog.title/>
 <b:else/>
  <data:blog.pageName/> | <data:blog.title/>
 </b:if>
</title>
<b:include data='blog' name='all-head-content'/>
<meta content='DESCRIPTION' name='description'/>
    <meta content='KEYWORD' name='keywords'/>
    <meta content='global' name='distribution'/>
    <meta content='10 days' name='revisit'/>
    <meta content='10 days' name='revisit-after'/>
    <meta content='document' name='resource-type'/>
    <meta content='all' name='audience'/>
    <meta content='general' name='rating'/>
    <meta content='all' name='robots'/>
    <meta content='index, follow' name='robots'/>
    <meta content='AUTHOR' name='author'/>
    <meta content='en' name='language'/>
    <meta content='EN' name='country'/>
    <meta content='blogger' name='generator'/>

ขออธิบาย ในส่วนที่ ตัวหนังสือสีแดงก่อนนะครับ
DESCRIPTION = คำอธิบายคร่าวๆว่าบล็อกมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร
KEYWORD = คำที่เกี่ยวกับเนื้อหาของบล็อก ว่าเกี่ยวกับอะไร
AUTHOR = ชื่อผู้เขียนบล็อก
en = ภาษาอะไร ถ้าไทย ก็ th
EN =  ประเทศอะไร ไทยก็ TH



อ่าส่วนวิธีใช้นะครับ
เราต้องไปที่ 
การเปลี่ยน Template สำหรับ Blogger

จากนั้นค้นหาคำว่า
การปรับแต่ง SEO On-page สำหรับ Blogger ขั้นที่ 1
เปลี่ยนเป็น Code ด้านบน


จากนั้นก็อยู่ที่เนื้อหาของเพื่อนๆแล้วหละว่าจะทำยังไงให้ Onpage SEO แบบนี้ ผมจะใช้บทความที่เกี่ยวกับการปรับแต่ง Onpage SEO บทความนี้เป็นตัวอย่างให้ดูคร่าวๆนะครับว่าBlogger ก็สามารถปรับแต่ง SEO ด้าน On-page ได้เหมือนกัน ให้เพื่อนๆสังเกตุคำว่า Onpage SEO นะครับ ว่าจะมี ตัวหนา ตัวเอียง ตัวขีดเส้นใต้ แล้วก็ลิ้งเข้าหน้าบล็อกหน้าอื่นๆได้ เช่น การเขียนบทความที่ถูกต้อง และ การสร้างบล็อก 

เป็นต้น

ซึ่งจะเห็นว่าบทความตัวอย่างข้างต้นนี้ ผมได้เน้นคำว่า Onpage SEO ใช่ไหมครับ แต่มีข้อแม้เช่นกัน ว่าหากใช้คำเหล่านี้เยอะเกินไป จะทำให้ โดนหักคะแนนจาก Search Engine ครับ ซึ่งหลักๆก็คือ Google นั่นเอง


ยังไม่หมดเพียงแต่นี้นะครับ ให้ดูที่หน้าเว็บของเพื่อนๆจะมีส่วนนี้อยู่
การปรับแต่ง SEO On-page สำหรับ Blogger ขั้นที่ 2

นอกจากส่วนนี้แล้วยังมี Tag ที่จะใช้กันอีก เรียกว่า แท็ก Header ซึ่งก็คือหัวข้อนั่นเอง
ซึ่งจะอยู่ตรงนี้
การปรับแต่ง SEO On-page สำหรับ Blogger ขั้นที่ 3
จะได้ตัวอย่างนี้ ลองปรับแต่งกันดูนะครับ


การปรับแต่ง SEO On-page สำหรับ Blogger ขั้นที่ 4

ที่นี้มาใส่ ALT Tag หรือคำอธิบายรูปภาพกัน โดนวิธีใส่ไปที่ Html ด้านบนซ้าย

แล้วจะเห็น Code Html เยอะแยะเลย ให้สังเกต ตาม กรอบนะครับ

การปรับแต่ง SEO On-page สำหรับ Blogger ขั้นที่ 5


เริ่มเข้มข้นขึ้นมาแล้วหละสิครับเพื่อนๆ ในบทต่อไปอย่าพลาดกันหละครับ ^^
http://blog9t.blogspot.com/2012/07/onpage-seo-blogger.html

SEO Vocabulary Keyword

SEOTHAIBLOG
คำแปลเหล่านี้อาจจะไม่ได้ถูกหลักวิชาการนะครับเพราะผมแปลเอาเองตามความเข้าใจที่ได้สะสมมา ผิดพลาดยังไงต้องขออภัยล่วงหน้าครับ และหวังว่าคงพอเป็นแนวทางในการทำความเข้าใจเรื่อง SEO ให้กับคนที่เริ่มต้นได้


1. SEO : คำนี้ย่อมาจาก Search Engine Optimization ซึ่งเป็นกระบวนการการทำให้บล็อก/เว็บไซต์ของคุณถูกค้นพบโดยเครื่องมือค้นหาบนโลก Internet ได้ง่ายขึ้น

2. SE : ย่อมาจาก Search Engine คือเครื่องมือค้นหาข้อมูลบนโลก Internet (ในที่นี้เราจะพูดถึงบล็อกและเว็บไซต์)

3. Bot : ย่อมาจาก Robot เป็นเหมือนผึ้งงานที่คอยมาเก็บข้อมูลต่าง ๆ บน โลก Internet ที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มปริมาณของข้อมูลขึ้น และที่สำคัญ  Bot ของ Search Engine  ชอบจะไปเยี่ยมบล็อก/เว็บไซต์ที่มีการ update บ่อย ๆ

4. Keyword  : ในเรื่อง SEO หมายถึงคำสำคัญที่คนมักใช้ค้นหาจาก Search Engine เช่น คำว่า ผลฟุตบอล  บอลโลก 2010 เป็นต้น

5. Niche keyword  : หมายถึง Keyword  ที่มีโอกาสสูงที่คนจะใช้ค้นหากับ Search Engine   และมีคู่แข่ง (ปริมาณผลการค้นหา) ไม่มากนัก

เทคนิคการหา Keyword จากที่อื่นๆ


เทคนิคการ หา Keyword ให้กับการทำ Search Engine Marketing ของคุณ มีหลายวิธี ทั้งจะเป็นเทคนิคการคิดและสร้าง Keyword หรือ แหล่งที่คุณจะสามารถ หา Keyword ได้ ลองดูเลยละกันครับ
เทคนิคการหา Keyword จากที่อื่นๆ
  1. หา Keyword ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า (วิเคราะห์เป้าหมายให้ชัด ด้วย 5W1H)
  2. ค้นหาความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ว่าเมื่อเค้าจะหาสินค้าหรือบริการ "เค้าจะค้นด้วยคำว่าอะไร" แล้วค่อยเอา Keyword ทีได้ไปขยายต่อ
  3. คิด เพิ่มคำศัพท์ให้มากขึ้น จากคำเดิม เช่นเปลี่ยนรูปคำศัพท์เป็นเอกพจน์พหูพจน์ คำศัพท์ที่สะกดผิด หรือใช้การผสมผสาน Keyword (แต่ต้องดูว่าน่าจะมีคนคลิก หรือใช้เครื่องมือช่วยเช็ก)
  4. หาคู่แข่งจาก Search Result (Google, Yahoo, MSN) หรือ ดูหน้าเว็บเค้า ไป view source หรือวิเคราะห์ ดูว่าเค้ามี keyword อะไรบ้าง
  5. ใช้ Niche Keyword (คำเฉพาะ) ก็เป็นสิ่งที่ได้ผลสูง และแข่งขันน้อย
  6. 1 Unique Keyword ต่อ 1 ads ดีที่สุด (สำหรับคนทำ Adwords) ซึ่งจำเป็นต้องใช้งานทั้ง Broad, Match and Phrase ถ้าถามว่า maximum keywords เท่าไรจึงจะดีสำหรับ 1 ads คำตอบก้อคือ 25 unique keywords ซึ่งถ้าใช้ทั้ง 3 แบบ ก้อจะเป็น 75 keywords
  7. search รายชื่อบริษัท หริือ คู่แข่งเรามเป็น Keyword เลย (วิีธีน่ากลัว)
  8. ใช้ระบบพื้นที่ หรือ เมืองเข้าไปร่วมกับ keyword จะช่วยทำให้ keyword ดูเฉพาะ และหลายหลายมากขึ้น

keyword tools seo


Keyword Tools


อันดับต้นๆ ของการทำ SEO ก็คือการหาคีเวิร์ด Keyword เพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้และวิเคราะห์คู่แข่งของเราว่าเราจะมีโอกาสมากน้อยเพียงใดในการติด Index
เครืื่องมือหา Keyword
โชคดีสำหรับการทำ SEO ทุกคน

ร่วมเป็นสมาชิก Blogseothai คุณคือตัวจริง !